กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สนธิกำลังตำรวจ กองบังคับการปราบปราม และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา บุกรวบหมอกระเป๋าเดลิเวอร์รี่ฉีดสารเสริมความงาม 2 รายซ้อน ย่านมีนบุรี ฟันความผิดรวม 9 กระทง ชี้เป็นอันตรายต่อประชาชน เสี่ยงทั้งติดเชื้อ ตาบอด หรือถึงกับเสียชีวิตได้
ค่ำวันนี้ (12 พฤศจิกายน 2561) ณ กองบังคับการปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายแพทย์ ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าปัจจุบัน การบริการด้านสุขภาพและความงามนับเป็นบริการดาวรุ่งที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงมีการแข่งขันโดยการโฆษณาผ่านสื่อทุกช่องทาง โดยเฉพาะการโฆษณาชักชวนให้รับบริการเสริมความงามด้วยวิธีการศัลยกรรมหรือฉีดสารเสริมความงาม เพื่อให้ใบหน้าเนียนใส เต่งตึง หรือแม้แต่เพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้น จึงทำให้ประชาชนเกิดความต้องการรับบริการเสริมความงามมากขึ้น โดยขาดการไตร่ตรองถึงผลข้างเคียง หรืออันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้น เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับบริการในด้านระบบบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ปลอดภัย เมื่อกรม สบส.ได้รับทราบถึงเบาะแสการลักลอบเดลิเวอรี่ฉีดสารเสริมความงามถึงที่พัก โดยหมอกระเป๋าในย่านมีนบุรี
จึงได้ร่วมมือกับตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) บุกจับหมอกระเป๋าทั้ง 2 ราย โดยรายแรกเป็นหญิง อายุ 31 ปี สำเร็จการศึกษาด้านการตลาด จับได้ขณะเข้ามาให้บริการฉีดสารเสริมความงามในที่พักของผู้รับบริการ ส่วนรายที่ 2 เป็นหญิง อายุ 42 ปี เป็นผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาล จับได้ในที่พักของตนขณะให้บริการ โดยที่หมอกระเป๋าทั้ง 2 ราย ไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม อีกทั้งยาและเวชภัณฑ์ที่ใช้ก็ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย. พนักงานเจ้าหน้าที่จึงแสดงตนพร้อมแจ้งข้อหากับผู้กระทำผิดรายแรก 5 กระทง ประกอบด้วย 1) ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2) ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3)ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 4) จำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท และ 5) จำหน่ายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนรายที่ 2 มีความผิด 4 กระทง ตามข้อที่ 1-4
นายแพทย์ณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 กำหนดให้การศัลยกรรมเสริมความงาม ด้วยการศัลยกรรมหรือฉีดสารเสริมความงามประเภทต่างๆ จะต้องกระทำโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม และทำในสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น หากกระทำโดยผู้ที่ไม่มีความชำนาญ หรือทำในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐานก็จะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อผู้รับบริการ ทั้งการติดเชื้อจากเครื่องมือไม่สะอาด สารที่ฉีดเข้าไปอุดตันหลอดเลือดทำให้เนื้อตาย ซึ่งมักพบได้บ่อยที่จมูก หรือร่องแก้ม และหากสารเสริมความงามไปอุดตันหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงจอประสาทตาก็จะทำให้ตาบอด อีกทั้ง การที่สารเสริมความงามรั่วไหลเข้าไปในกระแสเลือด หรือผู้รับบริการมีอาการแพ้อย่างรุนแรงอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
ทั้งนี้ หากพบเห็นหรือทราบเบาะแสของคลินิกเถื่อน หมอเถื่อนในเขตกรุงเทพฯ ขอให้แจ้งมาที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรม สบส.ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18618 หรือทางเฟซบุ๊ก : สารวัตรสถานพยาบาลออนไลน์, มือปราบสถานพยาบาลเถื่อน และศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สบส.กระทรวงสาธารณสุข ในวันและเวลาราชการ แต่หากอยู่ในส่วนภูมิภาคให้แจ้งที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ เพื่อดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายกับสถานพยาบาลและหมอเถื่อนรายดังกล่าว