คลินิกพิเศษสำหรับคนไข้หญิงเรียงรายอยู่ริมถนนสาย หนึ่งในเขตรอบนอกกรุงฮานอยโดยไม่ต้องมีใบอนุญาติประกอบโรคศิลป์ แต่ให้บริการทุกอแย่างตั้งแต่งานรีแพร๋ทั่วไปจนถึงทำแท้ง ในภาพโดยสำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรสเมื่อปีที่แล้ว ทำให้เกิดปัญหาทางสังคมและอาชญากรรมอยู่บ่อยๆ.
เอเอฟพี – เจ้าของศูนย์ศัลยกรรมเสริมความงามในเวียดนาม ถูกตำรวจจับ หลังมีข้อกล่าวหาว่า โยนศพคนไข้ที่เสียชีวิตระหว่างการผ่าตัดลงแม่น้ำ
สำนักข่าวเวียดนาม รายงานว่า หญิงวัย 39 ปีผู้เคราะห์ร้าย หายตัวไปตั้งแต่วันเสาร์ (19) ตำรวจเชื่อว่า เสียชีวิตบนเตียงผ่าตัดระหว่างรับการผ่าตัดเสริมเต้านม
“หลังการผ่าตัดผ่านไป 6 ชั่วโมง ร่างของคนไข้ชักกระตุกอย่างรุนแรง” สำนักข่าวเวียดนามเผย พร้อมเสริมว่า ขณะนี้ ยังไม่พบร่างหญิงเคราะห์ร้ายรายนี้
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยตามคำบอกเล่า ของนายเหวียน แม็งห์ เจื่อง เจ้าของศูนย์ศัลยกรรมเสริมความงามฮานอย ซึ่งไม่มีใบอนุญาตให้ดำเนินการด้านศัลยกรรมเสริมความงาม และพนักงานในศูนย์ดังกล่าวว่า แพทย์และเจ้าหน้าที่พยายามช่วยชีวิตหญิงรายนี้อย่างเต็มกำลัง แต่ไม่สำเร็จ
รายงานระบุว่า หลังเกิดเหตุ นายเจื่องนำศพขึ้นรถ ไปยังสะพานแถ่งห์จิ แล้วโยนทิ้งลงแม่น้ำ ตำรวจเชื่อว่า ศูนย์ศัลยกรรมดังกล่าวยังพยายามปกปิดหลักฐานการผ่าตัดคนไข้รายนี้ด้วย
ทั้งนี้ สามีของผู้ตายไม่ล่วงรู้เลยว่า ภรรยาของตนเข้ารับการผ่าตัดเสริมความงาม แต่หลังภรรยาหายตัวไปจึงพบหลักฐานใบนัดของศูนย์ศัลยกรรมดังกล่าว
ศูนย์ศัลยกรรมแห่งนี้ เปิดดำเนินการเมื่อเดือนเมษายน ปีนี้ โดยมีเพียงใบอนุญาตการค้า แต่ไม่มีใบอนุญาตประกอบการเป็นสถานเสริมความงาม
กระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งประณามพฤติกรรมของแพทย์ว่า เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ นอกจากนี้ ยังสั่งพักงานนายเจื่อง แพทย์ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลของรัฐ ทั้งยังเปิดธุรกิจสถานศัลยกรรมเสริมความงามด้วย พร้อมกับจะร่วมมือกับทางการตำรวจในการสอบสวนคดีนี้
แม้จะไม่มีการเปิดเผยสถิติอย่างเป็นทางการ แต่รายงานหลายกระแสระบุว่า จำนวนสตรีเวียดนามที่รับการผ่าตัดเพื่อเสริมความงาม เช่น เสริมเต้านม ผ่าตัดยกกระชับใบหน้า เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ทั้งนี้ ภาคสาธารณสุขของเวียดนามมีความหย่อนยานด้านกฎระเบียบอย่างมาก ขณะที่ผู้บริโภคก็มักถูกบีบให้ต้องพึ่งพาคำแนะนำจากบุคคลหรือสุ่ม หาสถานพยาบาลที่คาดว่าน่าจะเหมาะสมกับตัวเอง นอกจากนี้ แพทย์ที่ทำงานตามโรงพยาบาลของรัฐจำนวนมากก็มักเปิดบริการคลินิกของตนเอง หรือใช้บ้านเป็นสถานรักษาพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางการ
ขอบคุณที่มา www.manager.co.th