ความคืบหน้าหลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 นอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของเอกวาดอร์ เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (17 เม.ย.) ตามเวลาในประเทศไทย ล่าสุดสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาวเอกวาดอร์ ทั่วประเทศต่างก็ระดมกำลังและส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ประสบภัยเป็นจำนวนมาก ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 246 ราย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 1,500 คน ขณะเดียวกันหน่วยงานกาชาดและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ฉุกเฉินได้เดินทางถึงพื้นที่ประสบภัยเพื่อให้ความช่วยเหลือแล้ว
โดยเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ มีความรุนแรงที่สุดของประเทศ นับตั้งแต่ปี 2522 ซึ่งตอนนั้น แผ่นดินไหว คร่าชีวิตผู้คน 600 ราย และบาดเจ็บ 20,000 คน
นอกจากนี้เหตุแผ่นดินไหวรุนแรงทำให้พื้นที่ชายฝั่งที่อยู่ใกล้จุดเกิดแผ่นดินไหว ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยเฉพาะเมืองตากอากาศเปเดอร์นาเลส ระบบการสื่อสารขัดข้องและเกิดความวุ่นวายในระบบขนส่งมวลชน ทำให้ทางการเอกวาดอร์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 6 จังหวัดและเมืองเปเดอร์นาเลสเพียงแห่งเดียว เผชิญอาฟเตอร์ช็อกถึง 163 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม ภัยธรรมชาติร้ายแรงที่เกิดขึ้น ทำให้ประธานาธิบดีราฟาเอล คอร์เรีย ผู้นำเอกวาดอร์ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนอิตาลี ต้องยกเลิกการเดินทางและรีบกลับประเทศทันที ขณะที่รองประธานาธิบดี ฮอร์เก้ กลาส ก็ได้เดินทางไปยังพื้นที่ประสบแล้ว โดยเปิดเผยว่าขณะนี้นานาชาติ ได้พร้อมให้ความช่วยเหลือเอกวาดอร์อย่างเต็มที่
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและค้นหาผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวในพื้นที่ยังประสบอุปสรรคเนื่องจากขาดแคลนน้ำและไฟฟ้า หลายพื้นที่ในกรุงกีโต้ เมืองหลวงเอกวาดอร์ ไม่มีไฟฟ้าหรือบริการโทรศัพท์เป็นเวลาหลายชั่วโมง ก่อนจะกลับมาใช้ได้ตามปกติ
ส่วนสถานการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่น หน่วยกู้ภัยฉุกเฉิน ต่างระดมกำลังแข่งกับเวลาเพื่อค้นหาเหยื่อที่อาจรอดชีวิต ซึ่งติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังในจังหวัดคุมะโมโตะ บนเกาะคิวชู หลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงถึง 2 ครั้ง ประขาชนกว่า 180,000 คน ยังต้องหลบภัยในที่พักพิงชั่วคราว ในเต้นท์ และรถยนต์ เป็นคืนที่สาม ขณะที่บ้านเรือนกว่า 62,000 หลังยังไม่มีไฟฟ้าใช้ และอีก 300,000 หลังคาเรือนยังขาดแคลนน้ำประปา ส่วนยอดผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 41 ราย และสูญหายอีกอย่างน้อย 11 ราย มีผู้บาดเจ็บประมาณ 2,000 คน