สารพัดปัญหาใต้ตา กับวิธีการรักษาร่องรอยแห่งวัย ในอดีต การแก้ปัญหาใต้ตาโดยไม่ต้องผ่าตัด มักทําได้ในกรณีที่เป็นไม่มาก โดยอาจจะใช้การฉีดสาร Botox หรือฉีด Filler HA ซึ่งสามารถแก้ไขได้เพียงริ้วรอยตีนกา และร่องใต้ตาบางส่วนเท่านั้น แต่เมื่อร่องลึกเริ่มมาก ริ้วรอยเริ่มชัด หรือผนวกกับการเกิดเป็นถุงใต้ตาด้วยแล้ว การใช้ Botox หรือการฉีด Filler HA ไม่สามารถแก้ได้ ก็มีการใช้คลื่นวิทยุพลังงานสูง หรือคลื่นอัลตร้าซาวด์แบบใหม่ มาใช้บริเวณรอบดวงตามากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาร่องลึก และถุงใต้ตาได้อยู่ดี
ดังนั้น การผ่าตัดอาจเป็นคําตอบสุดท้ายในการแก้ไข แต่ถึงแม้จะผ่าตัดแล้ว บางรายก็ยังเหลือร่องลึกให้เห็นอยู่ดี แถมยังต้องนอนพักรักษาแผลนานกว่า 7 วัน จนกว่าจะตัดไหม บางรายเกิดรอยเขียวช้ำ ต้องพักฟื้น ไม่สามารถไปทํางาน หรือออกงานสังคมได้ร่วม 2-3 สัปดาห์เลยก็มี
เมื่อการรักษาแบบกึ่งศัลยกรรม มีการพัฒนามากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผู้คนจึงเริ่มหันมาทําการรักษาด้วยวิธีนี้กันมากขึ้นตามลําดับ เพราะได้ผลดีกว่าการรักษาแบบเก่า ไม่ว่าจะเป็นการฉีด Botox การฉีด Filler หรือการใช้เลเซอร์ ซึ่งได้ผลการรักษาที่ดีขึ้น ใกล้เคียงการผ่าตัด แต่เจ็บตัวน้อยกว่ามาก และการพัฒนาเทคนิคการร้อยไหมละลายใต้ดวงตา ร่วมกับการใช้เข็มปลายท์ (Blunt Cannula) ก็มีบทบาทสําคัญในการแก้ปัญหาใต้ตา ไม่ว่าจะเป็นร่องลึก หรือถุงใต้ตา แม้แต่ในผู้ที่อายุมากๆ เช่น 50 ปีขึ้นไป ซึ่งมีทั้งร่องและถุงใต้ตา และยังมีการหย่อนคล้อยของผิวหนังร่วมด้วย เทคนิคการรักษาแบบนี้ ก็ยังได้ผลดีมาก ช่วยหลีกเลี่ยงการผ่าตัด และที่สําคัญคือ แทบไม่ต้องพักฟื้นเลย
ขั้นตอนการรักษา
ใช้ยาชาชนิดทา ทาทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นฉีดยาชาเพิ่ม เพื่อให้ชาลึกถึงชั้นใต้ผิวหนัง เจาะรูขนาดเล็กที่ผิวหนัง เพื่อสอดท่อเข็มปลายทู่ (Blunt Cannula) ลงไป แพทย์จะใช้เข็มปลายที่ขนาดใหญ่ เช่น เบอร์ 18-20 เป็นตัวเลาะพังผืดที่เกาะใต้ผิว อันเป็นสาเหตุของร่องลึก
เมื่อพังผืดคลายออก แพทย์จะใช้ Filler HA ฉีดเติมลงไป เพื่อยกผิวที่ยุบตัวให้ยกตัวขึ้น พร้อมๆ กับเป็นตัวช่วยในการดันถุงไขมันที่ทะลักออกมา ให้กลับเข้าที่เดิม กระบวนการนี้ เป็นวิธีการรักษาถุงใต้ตาที่เกิดในคนอายุน้อย เนื่องจากไม่ใช่ถุงใต้ตาจริง ที่เกิดจากการสะสมของไขมันส่วนเกินบริเวณนี้ แต่เกิดจากการปลิ้นทะลักของไขมันช่องลูกตา หากผู้ที่ผิวหนังใต้ตายังมีความยืดหยุ่นดี การรักษาเพียงเท่านี้ ก็ทําให้ร่องและถุงใต้ตาหายไปกว่า 80-90% เลยทีเดียว
หลังจากเติม Filler HA แล้ว แพทย์ก็จะเริ่มสอดไหมละลายลงไป การวางไหม จะวางด้านบนของ Filler เพื่อเป็นการยึดให้ผิวหดกลับ และกระตุ้นให้ผิวเกิดความยืดหยุ่น ผลที่ได้คือถุงใต้ตาก็จะถูกรัดโดยผิวหนัง ให้หดกลับ อีกทั้งถุงไขมันบางส่วน ก็จะค่อยๆ ละลายไปพร้อมๆ กับการสลายตัวของเส้นไหม กระบวนการนี้ จําเป็นมากสําหรับผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป เนื่องจากมีการหย่อนของผิวหนัง และมีส่วนเกินจริงของไขมันบริเวณนี้ร่วมด้วย
ผลข้างเคียงจากการรักษา
ปกติจะมีการบวม และรอยเขียวช้ำได้ในช่วง 2-3 วันแรก หลังจากนั้น จะค่อยๆ ดีขึ้น หลังจาก 2-3 วัน สามารถแต่งหน้า เพื่อใช้เมคอัพปกปิดร่องรอย และไปทํางานได้ตามปกติ
การรักษาปัญหาใต้ดวงตาแบบกึ่งศัลยกรรม ถือว่าเป็นนวัตกรรมการแพทย์ที่ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการผ่าตัดได้ เนื่องจากสาเหตุของปัญหาใต้ดวงตา เกิดจากหลายปัจจัย เช่น การหดเกร็งของกล้ามเนื้อรอบตา การยุบตัวของเนื้อเยื่อ การหย่อนคล้อยของผิวหนังด้านบน และการดึงรั้งเนื้อเยื่อจากด้านล่าง รวมถึงการปลิ้นทะลักของไขมันลูกตา การรักษาที่ผ่านมาในอดีต ได้ผลไม่ค่อยดีนัก ทําให้มักไปจบที่การผ่าตัด
…………………………………………….
แต่อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดไม่ได้แก้ปัญหาการยุบตัวเป็นร่อง และยังอาจทําให้เกิดเห็นร่องใต้ตามากขึ้นด้วย ซึ่งพบว่าหลายๆ ครั้ง บางคนอาจต้องฉีดสารเติมเต็มใต้ตาหลังการผ่าตัดอีก การรักษาแบบนี้ จึงถือเป็นวิธีการที่นอกจากจะช่วยให้ไม่ต้องผ่าตัดแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาใต้ดวงตาได้ครบสมบูรณ์กว่าด้วย แต่ทั้งนี้ การผ่าตัดก็ยังมีความจําเป็น ในกรณีของผู้ที่มีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ และมีการหย่อนของผิวอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปค่ะ
เนื้อหาโดย Dodeden.com