ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานว่า วันนี้ ( 8 มิ.ย. 2560 ) นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กรมสุขภาพจิต ได้ประชุมคณะอนุกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติ ซึ่งแต่งตั้งโดยพลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติ
ประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข มูลนิธิ องค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์ต่างๆ ที่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับด้านสุขภาพจิต เพื่อจัดทำร่างยุทธศาสตร์สุขภาพจิตแห่งชาติ 20 ปี พ.ศ.2560-2579 ซึ่งมีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาสุขภาพ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนพัฒนาประเทศไทยยุค 4.0 และเป้าหมายแห่งการพัฒนาขององค์การสหประชาชาติด้วย
ทั้งนี้ ร่างยุทธศาสตร์สุขภาพจิตแห่งชาติฉบับนี้ เป็นแผนบูรณาการเชื่อมโยง สร้างการมีส่วนร่วมของหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาคุณภาพสุขภาพจิตคนไทยทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ กำหนดเป้าหมายให้คนไทยในอีก 20 ปีข้างหน้า มีปัญญา อารมณ์ดี มีความสุขและอยู่ในสังคมอย่างทรงคุณค่าเป็นพลเมืองไทยและพลเมืองโลก
ประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์หลักได้แก่ 1. การส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตตลอดช่วงชีวิต ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันการเจ็บป่วยทางสุขภาพจิตที่ให้ผลยั่งยืนใช้ต้นทุนต่ำกว่าการรักษา ประชาชนมีความรู้และดูแลสุขภาพจิตตัวเองและครอบครัวในเบื้องต้นได้ รู้อาการแรกเริ่มของความผิดปกติที่ต้องไปรับบริการตั้งแต่เนิ่นๆ
2 การพัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวช ให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาเร็วขึ้น จะเพิ่มโอกาสหายสูงขึ้น ซึ่งปัญหาที่ประสบเช่นเดียวกับทั่วโลกขณะนี้คือผู้ป่วยโรคทางจิตเวชเข้าถึงบริการต่ำกว่าโรคทางกายหลายเท่าตัว เนื่องมาจากทัศนคติ การยอมรับการรักษา 3.การขับเคลื่อนและผลักดันมาตรการทางกฎหมาย สังคม
3.การขับเคลื่อนและผลักดันมาตรการทางกฎหมาย สังคม และสวัสดิการต่างๆ เช่นการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่ไม่มีญาติ การดูแลผู้ป่วยจิตเวชในเรือนจำ การกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเผยแพร่ข้อมูลผู้ป่วยจิตเวชในสื่อทุกประเภท 4 พัฒนากลไกการดำเนินงานด้านสุขภาพจิต เช่นพัฒนาระบบประกันสุขภาพของผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตให้ได้รับการดูแลเสมอภาคเช่นเดียวกับผู้ป่วยโรคทางกาย
และ 5. การศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ทั้งด้านการรักษา การส่งเสริม การป้องกันโรค และลดปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต ทั้งนี้ประเด็นนโยบายใหม่ซึ่งที่ประชุมได้เสนอให้บรรจุในร่างยุทธศาสตร์สุขภาพจิตแห่งชาติ 20 ปีฉบับนี้ มี 4 ประเด็น
ได้แก่ 1. เพิ่มเรื่องเอ็มคิว ( Moral Quotient : MQ) เพื่อปลูกฝังด้านจริยธรรม คุณธรรมให้แก่เด็กไทยที่เกิดในยุคดิจิตอล เป็นวัคซีนป้องกันปัญหาอาชญากรเด็กและวัยรุ่นในอนาคต ซึ่งข้อมูลปัจจุบันนี้พบว่าเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดที่มีปีละ 40,000 – 50,000 คดี มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ และเป็นเด็กที่มีครอบครัวไม่ใช่เด็กเร่ร่อนเหมือนในอดีต ซึ่งเอ็มคิวนี้จะทำให้เด็กมีศีลธรรม ละอายต่อการกระทำผิด ทำบาป สามารถสร้างเอ็มคิวได้จากการเลี้ยงดูกล่อมเกลาจากครอบครัว
ดังนั้นต้นทุนชีวิตของลูกหลานไทยในยุคดิจิตอลทุกคนจะต้องมีอย่างน้อย 3 คิว คือไอคิว(IQ) อีคิว ( EQ ) และเอ็มคิว( MQ ) คือมีสมองดี อารมณ์ดี มีศีลธรรมประจำใจด้วย ประเด็นที่ 2. มีระบบส่งเสริมพัฒนาเด็กไทยที่มีไอคิวสูงหรือที่เรียกว่าเด็กอัจฉริยะ ซึ่งมีประมาณร้อยละ 5 ของเด็กไทยเพื่อให้เป็นผู้นำในการสร้างผลผลิตของประเทศไทยในอนาคตอย่างจริงจังเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของไทยให้แกร่งขึ้น ซึ่งขณะนี้มีหลายประเทศดำเนินการแล้วทั้งในเอเชีย อเมริกา
ประเด็นที่ 3. การบรรจุวิชาสุขภาพจิตเข้าในหลักสูตรการเรียนการของกระทรวงศึกษาธิการ ให้นักเรียนมีความรู้เรื่องของสุขภาพจิต ปัญหาการเจ็บป่วยทางจิตและการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง รู้จักความผิดปกติจิตใจ อารมณ์ พฤติกรรม และเข้ารับบริการรักษาได้เร็ว จะส่งผลดีต่อคุณภาพการรักษาสามารถใช้ได้ตลอดชีวิตซึ่งจะเป็นการเสริมระบบการส่งเสริมป้องกันปัญหาสุขภาพจิตให้เข็มแข็งยิ่งขึ้น
และประการที่ 4. การออกแบบระบบความปลอดภัยของโรงพยาบาลจิตเวชเพื่อดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มีคดีอย่างเหมาะสม ซึ่งขณะนี้กรมสุขภาพจิตอยู่ระหว่างปรับปรุงร่างยุทธศาสตร์ฯให้สมบูรณ์แบบ คาดว่าจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติเพื่อพิจารณาในปลายเดือนนี้ เพื่อนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ประกาศใช้ ให้ทุกหน่วยงานนำไปปฏิบัติต่อไป