กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์กันไปแล้วสำหรับ “รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน” ที่ทางคุณเกตุวดีได้เขียนวิจารณ์ไว้ว่าเป็นละครตลกสำหรับคนที่รู้จักญี่ปุ่นจริงๆ เพราะจะมีป้ายภาษาญี่ปุ่นแปลกๆ ไม่เข้ากับบริบทโผล่มาบ้าง มีภาษาไทยหลุดมาในฉากญี่ปุ่นบ้าง มีฤดูที่สลับไปมาบ้าง ซากุระปลอมบ้าง แต่เนื่องจากพระเอกนางเอกน่ารักม้ากกกก ป้าเกตุวดีก็ให้อภัยตลอดมา ดูแล้วเอ็นดู อยากลูบหัวมาริโอ้เบาๆ
แต่ยิ่งดู ดิฉันก็ยิ่งขำ เลยอยากเขียนเล่าให้คนอื่นขำด้วย แต่ไหนๆ จะเล่าแล้ว ดิฉันขอละเว้นประเด็นที่ชัดเจนมาก ขอเลี่ยงไปพูดถึงประเด็นโคตรยิบย่อย กองถ่ายละครไม่ต้องรู้ขนาดนั้นก็ได้ ปล่อยๆ มันไปเหอะ… ก็แล้วกันนะคะ
1. ชุดยูกาตะเอวสูงน่ารัก
จากภาพด้านบน จริงๆ ชุดนอนซาบรีน่าแนบเนื้อของคุณหนูไอโกะดูเป็นอะไรที่ไม่ญี่ปุ่นมากกว่า แต่เนื่องจากบทความนี้เป็นบทความโรคจิต เพ่งเล็งแต่จุดยิบย่อย เลยขอเปลี่ยนมาพุ่งเป้าจับผิดไปที่คุณพ่อไอโกะแทน พี่ดอมเล่นเป็นเจ้าพ่อโหด แต่พันโอบิเอวสูงมาก ทำให้ดูมุ้งมิ้งไปเลยในสายตาดิฉัน (โอบิ คือ ผ้าคาดเอว….แต่ดิฉันชอบเรียกว่าผ้ารัดพุง)
หรืออาจจะผิดที่มุมกล้อง? หรือพี่ดอมสูงเกินไป?
วิธีใส่ชุดยูกาตะของชายกับหญิงจะไม่เหมือนกันค่ะ ของชายจะผูกง่ายกว่า คนญี่ปุ่นบอกว่า ผู้ชายที่ใส่ชุดยูกาตะสวย จะเป็นผู้ชายที่อ้วน ลงพุงหน่อยๆ ใส่แล้วจะดูภูมิฐาน ตำแหน่งของโอบิ ก็ให้รัดตรงใต้พุงนี่แหละค่ะ เพราะฉะนั้น เวลาผูกโอบิ จะไม่ผูกที่เอว แต่ให้ผูกด้านล่างลงมานิดหน่อย ซึ่งตรงนี้ ต่างกับของผู้หญิง ที่ต้องพันบริเวณเอว ให้ขอบโอบิด้านบนสูงขึ้นมาเกือบใต้อก
ผู้ชายในชุดยูกาตะ เปิดอกเล็กๆ เซ็กส์ซี่มากฮ่ะ
2. ดาวกระดาษสื่อรัก
ฉากพระเอกแอบเอาดาวกระดาษให้นางเอก แหม่….ใครดูก็ต้องอมยิ้ม ช่างมุ้งมิ้งจริงๆ แต่ตั้งแต่อยู่ญี่ปุ่นมา ดิฉันยังไม่เคยเห็นคนญี่ปุ่นพับดาวกระดาษแบบที่เมืองไทยฮิตๆกันเลยค่ะ และเขาไม่มีธรรมเนียมพับดาวกระดาษใส่ขวดโหลด้วย….แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ประเด็นหลักที่ดิฉันจะกล่าวถึงครั้งนี้
ประเด็นคือ ผู้ชายญี่ปุ่นปกติเขาจะพับพวกหมวกซามูไร หรือนกกระเรียน (ไว้ให้เวลาเพื่อนป่วย) ถ้าจะพับดาว ดาวนั้นจะเป็นดาวกระจาย เอาไว้เขวี้ยงเฉาะหัวกัน เขาไม่มานั่งพับดาวมุ้งมิ้งแบบนี้ค่ะ แถมถ้าเลยชั้นประถม ก็ไม่มีใครนั่งเล่นพับกระดาษอะไรแบบนี้แล้วค่า ถ้าหนุ่มทำอย่างนี้ไปให้สาว สาวจะมองว่า อีตาผู้ชายคนนี้ประดิดประดอย ไม่แมนเอาซะเลย แล้วก็เซย์บาย ใครจะจีบสาวญี่ปุ่น โปรดอย่าเอาอย่างพ่อมาริโอ้นะคะ เดี๋ยวจะแห้วไม่รู้ตัว
3. ดอกซากุระแห้ง
ซากุระเป็นดอกไม้ที่บอบบางมาก ลมพัดทีกลีบดอกจะปลิวกระจัดกระจาย ใครที่ไม่เคยเห็นซากุระ จะนึกว่าดอกซากุระต้องสีชมพูสวยๆ เหมือนสีนมเย็นแน่เลย ค่ะ…แพ็คเกจจิ้งของดินสอสีตราซากุระกับอาหารปลาตราซากุระหลอกให้เราจินตนาการไปแบบนั้น ที่จริงแล้ว ดอกซากุระส่วนใหญ่จะมีสีชมพูจางมากจนเกือบเป็นสีขาวค่ะ (ยกเว้นซากุระกลีบซ้อนที่จะสีชมพูเข้มแบบทิชชู่ราคาถูกตามร้านอาหาร..อืม เปรียบเทียบได้อุบาทว์มาก แต่คงเห็นภาพกันนะคะ)
กลีบดอกซากุระจะบอบบางมากๆ ค่ะ (เหมือนหัวใจดิฉันเลย….) จำได้ว่า ตอนไปญี่ปุ่นใหม่ๆ เกตุวดีเคยเก็บดอกซากุระมาทับไว้ในหนังสือ ผ่านไป 1 เดือน เปิดมาดูอีกที นึกว่าซากแมลงตาย มันยุ่ยๆ สีน้ำตาลๆ ซากุระเป็นดอกไม้ที่เอามาทำดอกไม้แห้งแล้วไม่สวยเลยค่ะ
เพราะฉะนั้น ดอกซากุระที่น้องมาริโอนำมาทับใส่หนังสือเก็บไว้ ไม่มีทางกลีบตั้งชูชันอย่างในภาพด้านบนแน่นอน แถมตามเรื่อง นางเอกเก็บๆ หนังสือบนโต๊ะพระเอก เผอิญลมพัดดอกซากุระและรูปถ่ายนางเอกเลยหล่น ถ้าดอกซากุระร่วงจริง มันคงร่วงแล้วสลายเป็นกลีบๆ และปลิวกระจายไปแล้วค่ะ น้ำหนักมันเบามาก ไม่น่าตกพื้นใกล้นางเอกขนาดนี้
แถมบอบบางเสียจนนางเอกไม่น่าจะหยิบขึ้นมาถือชิวๆ แบบนี้ได้
4. รู้ไหมว่าใครใหญ่
ภาพด้านล่างมีอะไรผิดเอ่ยยยย….
คำตอบคือ ที่นั่งค่ะ คนญี่ปุ่นจะมีการกำหนดตำแหน่งที่นั่งของคนค่ะ ที่นั่งซึ่งผู้อาวุโสหรือแขกหรือคนที่มีตำแหน่งทางสังคมสูงกว่าควรนั่ง เรียกว่า “Kamiza (上座)” และที่นั่งของคนที่ตำแหน่งต่ำกว่า เรียกว่า “Shimoza (下座)” ค่ะ
ตำแหน่ง Kamiza ถ้าดูง่ายๆ จะเป็นตำแหน่งที่ไกลจากประตูมากที่สุด หากด้านหลังมีฉากกั้นแบบญี่ปุ่น หรือภาพวาด ภาพสีน้ำแขวน ที่นั่ง Kamiza คือที่นั่งที่อยู่ตรงหน้าภาพนั้น จากภาพด้านบน Kamiza คือ ตำแหน่งที่ณเดชน์นั่งค่ะ ทว่า…จากบริบทของละคร มาริโอ้เป็นหัวหน้าบ้าน อายุและตำแหน่งก็สูงกว่าณเดชน์ เพราะฉะนั้น มาริโอ้ควรนั่งข้างณเดชน์
หากเราย้ายมาริโอ้ไปอีกฝั่ง แต้ว ซึ่งเป็นภรรยา ก็ต้องย้ายไปนั่งตามด้วย ซึ่งตรงนี้ก็ต้องระวัง เนื่องจากภรรยาสถานะด้อยกว่าสามี หรือต้องคอยวิ่งไปมาในครัวเพื่อหยิบโน่นหยิบนี่ นางจึงควรนั่งฝั่งที่ใกล้ประตูค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าจะเปลี่ยนฉากนี้ให้เป็นแบบญี่ปุ่นจริงๆ ก็ควรเป็นแบบภาพด้านล่างนี้!
ขออภัยในความสวยงามเกินไปของภาพตัดแปะนะคะ … ดิฉันใช้ Photoshop ไม่เป็น ใช้โปรแกรม Paint โง่ๆ ทำแทน อยากเอาฉากสีทองหลังณเดชน์ออก ก็ทำไม่เป็นโปรดใช้จินตนาการกันก็แล้วกันนะคะ
ข้อมูลเพิ่มเติม >> มารยาทในร้านอาหารญี่ปุ่น
5. ท่อนล่างผิด
หลายคนดูละครเรื่องนี้แล้วก็ปลื้มใบหน้าอันน่ารักของน้องแต้ว บางคนคอยสังเกตชุดน่ารักๆที่น้องแต้วใส่ แต่พอดูฉากนี้ ดิฉันไม่มองหน้า ไม่มองชุดน้องแต้วอีกต่อไป มันมีจุดประหลาดมากในสายตาดิฉันซ่อนอยู่ในภาพนี้ค่ะ
กล่าวคือ…น้องแต้วเดินเท้าเปล่าในบ้าน! เพื่อนๆอาจคิดว่า แล้วมันแปลกตรงไหน ตูก็ทำอยู่ เย็นเท้าดี เอิ่ม…คือ ปกติ คนญี่ปุ่นจะใส่สลิปเปอร์เดินในบ้านค่ะ ถ้าคุณเคยไปบ้านคนญี่ปุ่น คุณจะพบว่า อันดับแรกที่เขาจะทำให้คุณคือ หยิบสลิปเปอร์มาวางเตรียมไว้ให้ตรงประตูค่ะ แถมสลิปเปอร์ก็จะมีแยกเป็นของแขกกับของคนในบ้าน แยกเป็นสลิปเปอร์ฤดูร้อนซึ่งจะบางกว่า กับสลิปเปอร์ฤดูอื่นๆ ซึ่งจะหนากว่า
สาเหตุที่คนญี่ปุ่นใส่สลิปเปอร์นั้น เพราะ 1. เท้าจะได้ไม่เย็นเกินไป ไม่หนาวเท้า 2. ความเรียบร้อย แสดงถึงน้ำใจและความเอาใจใส่ของเจ้าบ้านค่ะ
6. ข้ามาเยือน…
ฉากนี้เป็นฉากที่ดิฉันงงสุดติ่งแล้วค่ะ ครอบครัวน้องญาญ่าชวนมาริโอ้และแต้วมาทานข้าวที่บ้านเพื่อแสดงความยินดีที่ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน
สิ่งที่น่างงอันดับแรก…ปลายโอบิน้องญาญ่าที่ยาวผิดวิสัยญี่ปุ่นทั่วไปมาก หรือนี่คือแฟชั่นใหม่? ดิฉันไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ไม่เคยเห็นโอบิแบบนี้ตอนอยู่ญี่ปุ่น แต่นี่เป็นประเด็นที่ชัดเกินไป ดิฉันขอโรคจิตกว่านั้นนิดหนึ่งนะคะ
ดิฉันแปลกใจมากที่…
1. ญาญ่าเป็นคุณหนูของบ้าน แต่นางต้องไปเข้าครัวทำอาหารเอง
2. โอเค นางอาจอยากโชว์ฝีมือ แต่ถ้านางจะทำจริงๆ นางควรทำเสร็จตั้งแต่ก่อนแขกมาแล้ว พอแขกมา ก็ยกไปเสิร์ฟตั้งโต๊ะทานได้ทันที หรือพวกน้ำแกง ทำหลังสุดตอนแขกมาแล้วก็ได้ แต่การเรียงผักดองใส่จานน้อยนี่…เธอควรทำเตรียมไว้เลยแต่แรกนะจ๊ะ ไม่ใช่มาทำทีหลัง
3. นางควรเปลี่ยนชุด ไม่ใช่ใส่ชุดกิโมโนสวยๆ มาทำอาหาร
4. ข้อต่อไปนี้น่าแปลกใจสุด แต้วไปในฐานะแขกแท้ๆ แต่กลับต้องไปช่วยงานในครัว โอเค แต้วเป็นนักศึกษาไทยน้ำใจงาม คงเสนอตัวช่วย อันนี้ไม่แปลก แต่คนที่แปลกคือญาญ่า หากเป็นคนญี่ปุ่น เขาต้องปฏิเสธไม่ให้แขกเข้ามาในครัวเป็นอันขาด พื้นที่ในครัว ถือเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของคนญี่ปุ่น เขาจะไม่ให้แขกมาเดิน มาช่วย หรือยุ่งวุ่นวายในครัวเป็นอันขาด แค่คุณจะเดินไปเปิดตู้เย็นเขาเพื่อหยิบน้ำมาเติมเอง เขายังไม่ยอมเลย เขาจะไม่ยอมให้แขกทำอะไรทั้งสิ้น คุณนั่งเฉยๆ กินกับดื่มก็พอแล้ว ดิฉันเลยสุดแสนที่จะงงว่า ทำไมน้องญาญ่า รวมถึงครอบครัวน้อง ถึงยอมให้แต้วเข้าไปเพ่นพ่านในครัวได้ขนาดนั้น
5. และที่ดิฉันเหวอยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า น้องญาญ่าทำซุปมิโสะได้รสชาติแย่มาก แต่น้องแต้วก็ออกรับหน้าแทนว่า ดิฉันทำเองค่ะ ทำผิดสูตร ขอไปแก้มือนะคะ … ช่างเป็นนางเอกละครไทยจริงๆ…. ว่าแล้ว นางก็ขอตัวแล้วเดินหายไปในห้องครัว ปล่อยให้คนอื่นทานข้าวต่อไป… เฮ้ย…เธอเป็นแขกนะเว้ย ทำไมต้องทำขนาดนั้น ต่อให้เป็นในประเทศไทย ฉากนี้ก็น่าพิศวงไหมคะ สองตระกูลก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นซักหน่อย
แหม่…เม้าท์แล้วเมามัน ขอดิฉันจับผิดคำพูดในละครอีกนิดนะคะ….
1. Okusan (奥さん)
โอ-คุ-ซัง … ถ้าออกเสียงเร็วๆจะอ่านว่า “อ๊กซัง” เป็นคำที่เราจะใช้เรียกภรรยาของคู่สนทนาค่ะ คนญี่ปุ่นจะไม่เรียกภรรยาตัวเองว่า “อ๊กซัง” เขาจะเรียกภรรยาตัวเองต่อหน้าคนอื่นว่า “โยเหมะ (嫁)” หรือ “ซึหมะ (妻)” แทน ประเด็นนี้ หลายๆคนคงทราบดีอยู่แล้วใช่ไหมคะ
แต่ที่ดิฉันแปลกใจคือ ถ้าคิดเสียว่า มาริโอ้เป็นเจ้าพ่อ น้องแต้วเป็นภรรยาของนายใหญ่ เป็นนายหญิงของบ้าน ลูกน้องควรจะเรียกภรรยาเจ้าพ่อด้วยคำที่ให้เกียรติยิ่งยิ่งไปกว่านี้ ซึ่งคำที่เหมาะสมที่สุดในบริบทนี้ คือ คำว่า “อ๊ก-ซามะ” ค่ะ เปลี่ยนจาก “ซัง” เป็น “ซามะ” เป็นการยิ่งให้เกียรติขึ้นไปอีก
2. ไอโกะ
ก่อนจะเข้าประเด็นเรื่องคำพูด ดิฉันขออนุญาตจิกกัดเล็กน้อย น้องแต้วเป็นหญิงไทยไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น แต่ดูจากภาพนี้ นางแต่งหน้าเหมือนคนญี่ปุ่นมาก คือ แต่งหน้าอ่อนๆ กรีดตาบางๆ คิ้วบางๆ ลิปสติกสีชมพูอ่อนนิดๆ ในขณะที่ไอโกะ สาวญี่ปุ่น กลับจัดเต็มมาก จัดเต็มเกินสาวญี่ปุ่นทั่วไป ทั้งบิ๊กอาย ขนตาปลอม แล้วยังลิปสติกสีนางร้ายนั่นอีก ผู้หญิงญี่ปุ่น ขนาดไปงานกลางคืน ยังไม่แต่งหน้าจัดเต็มเท่านางเลย
เข้าเรื่องนะคะ มีฉากหนึ่งที่นางยืนคุยกับน้องแต้วในห้องน้ำ นางพยายามเหยียดหยามถากถางนางเอก (ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ใช่นิสัยผู้หญิงญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน ผู้หญิงญี่ปุ่นถ้าไม่พอใจใคร จะเหน็บแนม ประชดประชันเล็กๆ พองาม) นางบอกว่า “ชื่อไอโกะ แปลว่าลูกสาวอันเป็นที่รักของพระอาทิตย์ คู่ควรกับพระอาทิตย์”
นางมโน ฯ และตีความไปไกลมาก ถ้าเป็นเบสบอล นางคงตีโฮมรันไปแล้ว คำว่า “ไอโกะ” (愛子) แปลว่า ลูกรัก ลูกซึ่งเป็นที่รัก แค่นั้นเอง ไม่มีพายุ พระอาทิตย์ อิทธิฤทธิ์ ไอโกะผู้พิชิตบ้าบอคอแตกอะไรทั้งนั้น (ถ้าเกี่ยวข้องกับพระอาทิตย์ ก็ต้องชื่อ “ฮิเดโกะ” นะจ๊า แต่อังศุมาลินจากคู่กรรมครองชื่อนี้ไปแล้ว) ไอโกะสะตอที่สุด สมเป็นนางอิจฉาในละครไทยจริงๆ
เม้าท์มาเยอะมาก ดิฉันจะบอกว่า จับผิดคน วิจารณ์คน เป็นเรื่องง่ายมาก แต่คนที่ทำ ลงมือทำ เหนื่อยยากจริงๆ ดิฉันก็ยังเห็นใจและชื่นชมทีมงานละคร ที่คงจะทำงานกันอย่างหนักหน่วง ยิ่งถ่ายทำในต่างประเทศ แถมเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนญี่ปุ่นอีก ก็คงยิ่งลำบาก เพราะรายละเอียดมันเยอะมาก เกตุวดีขอจิกกัดพองาม พอขำๆ เพียงเท่านี้ และจะยังตั้งหน้าตั้งตารอชม รอกรี๊ดนักแสดงต่อไปค่ะ
เรื่องโดย : เกตุวดี
ที่มา http://www.marumura.com/talkative/?id=5780
อย่างไรก็ตาม ณเดชน์ ญาญ่าแฟนคลับ อาจจะมีบางส่วนที่รู้สึกว่าบทความชิ้นนี้จับผิดมากเกินไป แต่ก็มีบางส่วนที่เข้าใจเพราะความน่ารัก สดใสของทั้งคู่ ทำให้ชาว NY together ปลาบปลื้มใจกับบทละครมาก กระทั่งในแฟนเพจได้มีการจัดกิจกรรมรอยรักหักเหลี่ยมตะวันใกล้จะถึงบทสรุปความรักของทาเคชิกับแพรวดาว และเรากำลังจะได้ดูความรักสุดหัวใจของริวกับมายูมิกันแล้ว ชวนมารีรันละครเตรียมความพร้อมต้อนรับ “รอยฝันตะวันเดือด” กันหน่อยดีกว่าค่ะ กับเกมส์ง่ายๆชิงรางวัลเล็กๆน้อยๆ เป็นชุดหนังสือพรีเมียมและเรื่องย่อรอยรักหักเหลี่ยมตะวันพร้อมหนังสือมาเชรี โดยตอบคำถามง่ายๆ 5 คำถามที่โพสต์นี้
1.โซเรียวบอกว่าริวจะต้องหมั้นกับมายูมิ ริวเชิดปากขึ้นข้างไหน
2.ในเปิดกองวิกสามพี่ณเดชน์ดีดอะไรใส่น้องญาญ่า
3.ริวขออะไรมายูมิเพื่อตอบแทนที่ริวไปขอพ่อของมายูมิเรื่องเรียนต่อแพทย์
4.มายูมิชนกับริวหน้าห้องน้ำ มายูมิต่อว่าริวว่าอะไรส่วนริวตอบว่าอะไร
5.ริวรู้ได้ไงว่ามายูมิแก้มนุ่ม (^^)
ผู้ที่ตอบถูกทั้งหมด 5 ท่านแรก รับรางวัลเหล่านี้ไปเลย
โดยกิจกรรมการร่วมสนุกได้หมดเขตไปเมื่อวันที่ 14 ส.ค.57 ที่ผ่านมา ซึ่งช่วงเช้าของวันที่ 15 สิงหาคม 2557 ชาว NYtogether ก็ได้ฟินกันไปเบาๆ ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ที่ทั้งคู่ไปออกรายการครอบครัวบันเทิง ทำให้เรตติ้งละครเพิ่มกระฉูด