ที่มา: Prachachat.net

หากส่งเสริมให้ศูนย์การค้า กลายเป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมไทยสำหรับนักท่องเที่ยว และชุมชนไปพร้อมๆ กับการเลือกซื้อสินค้า และบริการ คงเป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์ไม่น้อย เพราะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากที่ใช้บริการจะเป็นกระบอกเสียงนำเรื่องราวความประทับใจที่มีต่อวัฒนธรรมไทยที่ได้สัมผัสไปบอกต่อ ในขณะที่คนในชุมชนนอกจากจะได้ซาบซึ้งในคุณค่าและความงดงามจากศิลปวัฒนธรรมไทยเพิ่มมากขึ้นแล้ว ก็จะนำไปสู่การประยุกต์ใช้ สร้างรายได้เสริม และพร้อมถ่ายทอดให้แก่คนรุ่นหลังต่อไป 

จากแนวทางดังกล่าว ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ธุรกิจในเครือ เอ็ม บี เค กรุ๊ป ศูนย์การค้าที่ได้รับรางวัลการบริการยอดเยี่ยมประจำปี 2558 จาก TripAdvisor ประจำปี 2558 จึงเปิดพื้นที่จัดกิจกรรม ′THAI CULTURE AND WORKSHOP′ สาธิตการทำอาหาร ของเล่น และของที่ระลึกแบบไทยโบราณ เพื่อร่วมสืบสานวัฒนธรรมไทย และส่งมอบความสุขความประทับใจให้แก่ผู้ใช้บริการจากทั่วทุกมุมโลก

92

ขอขอบคุณภาพจาก Aseanjournal.com

คุณสุภิสรา ทองมาลัย ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะที่ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เป็น shopping destination ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่ยังคงเสน่ห์การเลือกซื้อสินค้าในกลิ่นอายความเป็นไทยเอาไว้อย่างครบถ้วน เราตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นตัวแทนส่งมอบคุณค่าความเป็นไทยให้แก่ผู้ที่มาใช้บริการภายในศูนย์การค้าของเราเสมอมา และเนื่องด้วยปีนี้ ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้รณรงค์ให้เป็น ′ปีท่องเที่ยววิถีไทย′ (DISCOVER THAINESS) เราจึงจัดกิจกรรม ′THAI CULTURE AND WORKSHOP′ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของททท. พร้อมเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ความงดงามและสีสันแห่งวัฒนธรรมไทยออกสู่สายตาของชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการ และยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมที่คนในชุมชนสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัวได้อีกด้วย”

สำหรับกิจกรรม THAI CULTURE AND WORKSHOP ครั้งที่ 1 ที่ผ่านมา มีการสาธิตการปรุงอาหารว่าง ขนมจีบไทยตัวนก ขนมไทยโบราณหารับประทานยากโดย หม่อมหลวงชัญญา ชมพูนุท เชฟผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารไทยจากโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส และเซเลบริตี้สาวที่ชื่นชอบการทำอาหาร คุณจรสพรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา โดย หม่อมหลวงชัญญา เชฟผู้สาธิตการปรุงอาหารว่างขนมจีบไทยตัวนก กล่าวว่า “ขนมชนิดนี้หารับประทานได้ยากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นอาหารว่างที่ต้องใช้ทั้งเวลา ฝีมือ และความประณีตในการจับจีบบริเวณตัวนก และตกแต่งให้สวยงามน่ารัก น่ารับประทานตามชื่อ”
ขนมจีบไทยตัวนก เป็นขนมที่มีความคล้ายคลึงกับช่อม่วงอย่างยิ่ง เพราะใช้แป้งและไส้ด้านในแบบเดียวกัน เราสามารถใช้สีผสมอาหารผสมกับแป้งเพื่อเพิ่มสีสันของนกให้หลากหลายขึ้นได้ แต่ความยากอยู่ที่การห่อแป้งและจับจีบให้เป็นรูปตัวนกสวยงามมีขนาดเล็กพอดีคำ และเมื่อนึ่งสุกแล้วแป้งต้องไม่แตกออกจนไส้ขนมด้านในทะลักออกมา

นอกจากนี้ หม่อมหลวงชัญญา ยังได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ของอาหารไทยไว้ด้วยว่า “อาหารไทยเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพกายและใจ เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ส่วนใหญ่นั้นมาจากธรรมชาติที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งยังหาได้ง่ายและใกล้ตัว นอกจากนี้ การทำอาหารไทยที่มีหลากหลายขั้นตอน ต้องอาศัยความประณีตและพิถีพิถัน จึงช่วยให้ผู้ทำอาหารใจเย็นลง และได้ฝึกสมาธิให้มีจิตใจจดจ่อกับอาหารที่กำลังปรุง สำหรับผู้ที่ได้รับประทานก็จะได้ชื่นชมอาหารที่สวยทั้งจากรูปลักษณ์ภายนอก และได้ทั้งรสชาติและความอร่อยจากการลิ้มลองอาหารที่ได้รับจากการปรุงอย่างใส่ใจ”

ด้าน คุณจรสพรรณ สาวสังคมผู้ชื่นชอบการทำอาหารไทย กล่าวว่า “โดยส่วนตัว มีความสนใจและชื่นชอบการทำอาหารและขนมไทยอยู่แลัว และดีใจมากที่ได้มาเรียนรู้การทำขนมไทยโบราณ อย่าง ขนมจีบไทยตัวนก ซึ่งถือเป็นอาหารว่างที่หารับประทานได้ยาก และยังเป็นอาหารที่สะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน ศิลปะการทำอาหารไทยนั้นต้องอาศัยฝีมือ ความละเอียดประณีต และความพิถีพิถัน ที่ไม่เพียงแต่จะต้องมีรสชาติที่อร่อยถูกปากเท่านั้น แต่ยังต้องคงความสวยงามน่ารับประทานควบคู่กันด้วย ในฐานะคนรุ่นใหม่ ก็อยากเชิญชวนให้เด็กไทยหันมาเรียนรู้และสืบทอดศิลปะในการทำอาหารไทย อย่าท้อ และรู้สึกหมดกำลังใจเพราะคิดว่าอาหารไทยทำยาก เพราะถ้าเราฝึกฝนไปเรื่อยๆ ก็จะมีความชำนาญและมีรสมือที่ดีขึ้นตามลำดับ”

คุณสมบูรณ์ สาลีผล ประธานชุมชนแฟลตสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน และคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมไทย เขตปทุมวัน ได้กล่าวถึงความประทับใจจากกิจกรรมนี้ว่า “รู้สึกยินดีที่ทางศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ให้ความสำคัญกับชุมชนแฟลตสถานีตำรวจปทุมวัน รวมทั้งชุมชนต่างๆ ที่อยู่โดยรอบอีก 12 ชุมชน ในการเชิญพวกเราให้มาเข้าร่วมในกิจกรรมนี้ นับเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อกลุ่มแม่บ้านในชุมชนต่างๆ อย่างมาก ที่นอกเหนือจากการนำสูตรอาหารขนมจีบไทยตัวนกไปทำรับประทานภายในครัวเรือนและช่วยสืบสานศิลปะการทำอาหารไทยโบราณแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการนำสูตรขนมจีบไทยตัวนกนี้ไปทำขาย เพื่อประกอบอาชีพเสริมสร้างรายได้ให้แก่ตนเองและชุมชนอีกด้วย”

กิจกรรม THAI CULTURE AND WORKSHOP ยังคงจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 14 – 16 สิงหาคม เป็นการสาธิตการร้อยมาลัย และสานปลาตะเพียน และในวันที่ 11 – 13 กันยายน พบกับการสาธิตการแกะสลักผลไม้ และการสาธิตการทำสังขยาฟักทอง ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ ณ บริเวณชั้น G ศูนย์การค้าเอ็ม บี  เค เซ็นเตอร์ และดูรายละเอียดของจัดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ www.mbk-center.co.th และ www.facebook.com  

ป้ายกำกับ: |

เรื่องน่าสนใจ