โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน..
หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ เห็นลูกเจ็บเจ็บกว่าหลายเท่า เห็นลูกทุกข์ก็ทุกข์กว่าหลายเท่า ซึ่งเรื่องจริงที่จะมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งคุณแม่ของน้องคนนี้ ตอนนี้กำลังทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส ที่ลูกชายต้องมาประสบเหตุเกิดความผิดพลาดจากการศัลยกรรม จนทำให้ตอนนี้มือยังไม่สามารถใช้งานได้ดี 100%
ลูกชายซึ่งเรียนจบทันตแพทย์ได้ไปดูดไขมันที่แขนกับคลินิกแห่งหนึ่งที่มีชื่อคล้ายเวทีประกวดหานักร้องเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา น้องได้ไปดูดไขมันที่คลินิกดังกล่าว ไปทั้งหมด 7 จุด วันที่ไปคุณแม่ก็ไปด้วย คุณหมอที่คลินิกบอกว่าทำแล้วแขนจะยกไม่ได้ 1 อาทิตย์ ทั้งคุณแม่และตัวน้องเองก็ย้ำคุณหมอหลายครั้งว่าหายแน่หรือ 1 อาทิตย์ เพราะตัวน้องจะต้องไปจับฉลากเลือก รพ วันที่ 1 เมษา ทั้งหมอและ เจ้าหน้าที่ก็บอกหายทันเวลาอย่างแน่นอน
ก็ใช้เวลาทำตั้งแต่ 4 โมงเย็น ถึง 5 ทุ่ม พอทำเสร็จออกมาจากคลินิกแบบไม่รู้สึกตัวอาจจะเป็นผลจากการใช้ยาสลบตอนทำ ซึ่งทำให้น้องดูเหมือนคนไม่มีสติ เดินเองไม่ได้ ต้องถึงขนาดเรียกคนข้างบ้านมาช่วยหามเข้าบ้านเลยทีเดียว ตอนกลางคืนก็ต้องคอยดูแลซับเลือดและน้ำเกลือที่ไหลออกมาเลอะที่นอนไปหมด เรียกว่าแทบไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ตอนเช้าเลยไปตรวจสรุปคือต้องเย็บแผลใหม่ ซึ่งตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
หลังจากดูดไขมันมา มือทั้ง 2 ข้าง โดยเฉพาะข้างขวาไม่ปกติ ไม่สามารถทำงานด้านทันตกรรมได้เลย ซึ่งน้องเป็นหมอฟัน ถ้าน้องใช้มือทำงานด้านทันตกรรมไม่ได้ จะทำอย่างไร หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ ที่ส่งเสียลูกเรียนจนจบหมอ เป็นความภาคภูมิใจ ที่เค้าจะได้ทำประโยชน์ให้กับสังคม แต่พอมาเป็นแบบนี้ หัวอกคนเป็นแม่แทบสลาย
ตอนนี้เราเสียค่าใช้จ่าย รักษาน้องมา แสนกว่าบาทแล้ว เราหาหมอที่ มหาราชโคราช ศิริราช และทำกายภาพที่ รพ.กรุงเทพโคราช หมอทั้ง 3 ท่าน ให้ความเห็นที่คล้ายกัน คือเส้นประสาทบาดเจ็บ มือทั้ง 2 ข้างอ่อนแรง ขณะนี้อาการดีขึ้นแต่ก็ยังไม่สามารถทำงานทันตกรรมได้ ทางคลินิกได้พาเราไปหาหมอ รพ.พระมงกุฏแค่ครั้งเดียว และก็บอกจะรับผิดชอบแต่เงียบหายไป
หลังจากที่ผ่านมา 2 เดือนแล้วที่น้องเป็นแบบนี้ แต่ก็ดีขึ้น แต่ก็ยังทำงานทันตกรรมไม่ได้ ตอนนี้ครอบครัวก็ต้องคอยไปส่งน้องที่สำนักงานในเมืองโคราช เพราะยังไป รพ. ไม่ได้ กลางวันไปรับมาทานข้าว บ่ายรับไปทำกายภาพ ตลอดระยะเวลา 2 เดือน ก็ถือว่าค่อนข้างลำบากเหมือนกัน
ทางเว็บไซต์ก็ต้องขอขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่อาจจะถือว่าเป็นเรื่องเลวร้ายในชีวิตแต่ต้องนำมาแบ่งปันเพื่อให้คนอื่นๆ ได้คิดให้ดีก่อนการตัดสินใจทำศัลยกรรมทุกครั้ง ขอให้บุญกุศลที่คุณแม่ได้เผยแพร่เรื่องราวในครั้งนี้เพื่อเป็นการเตือนสติคนอื่น ส่งผลให้น้องหายในเร็ววันค่ะ
ตอนนี้น้องเริ่มทำงานที่ รพ. 1 กค. หลังจากต้องรักษาตัว(มือ) 3 เดือนเต็มกับความลำบากของครอบครัวที่ต้องคอยรับส่งไปฝังเข็ม และทำกายภาพ มาหาหมอที่ศิริราชด้วยแต่ ถึงแม้ว่าผ่านมา 3 เดือน ก็ยังไม่หายสนิท ถือว่ายังไม่เต็มร้อยเปอร์เซนต์ มือยังมีอาการชาอยู่ ต้องลางานอาทิตย์ละ 1 วัน เพื่อไปฝังเข็ม และทำกายภาพ
ตอนนี้น้องสามารถทำงานได้เฉพาะในโรงพยาบาลเท่านั้น ด้วยร่างกายยังไม่หายดี 100% จึงยังทำให้ไม่สามารถไปทำงานตามคลีนิคเพื่อหารายได้พิเศษได้ก็ไม่รู้ระยะเวลาแน่นอนว่าเมื่อไหร่จะหายเป็นปกติ
ส่วนทางคลินิก ไม่ได้ติดต่อมาเพื่อรับผิดชอบใดๆ แม้แต่โทรมาสอบถามอาการก็ไม่มี สำหรับค่ารักษานั้นตอนนี้ก็ร่วมหลักแสนกว่าบาท เฉพาะค่ารักษาที่มีใบเสร็จ ไม่ได้รวมค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตอนนี้ก็ได้ยืนเรื่องไปที่ สคบ. แพทยสภา และก็กรมบริการสุขภาพ แต่เรื่องก็ยังไม่ไปถึงไหน อยากให้คลินิกออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นบ้าง
