ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย ว่า ภายในวัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทยนั้น ทางอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชื่อดังและเป็นผู้สร้างศิลปะภายในวัดร่องขุ่น ยังคงตั้งใจสร้างพระพุทธรูปที่เป็นต้นแบบสีขาวองค์หนึ่ง ซึ่งมีหน้าตักกว้าง 22 นิ้ว ฐานกว้าง 28 นิ้ว และส่วนสูง 42 นิ้ว อยู่ภายในโรงสร้างของวัดร่องขุ่นอย่างต่อเนื่อง
โดยพระพุทธรูปดังกล่าวมีลักษณะงดงามและมีลวดลายที่อ่อนช้อยตามรูปแบบศิลปะที่สร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัยที่ไม่เหมือนศิลปะใดๆ ซึ่งอาจารย์เฉลิมชัยระบุว่าเป็นพระพุทธรูปศิลปะประจำรัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยตั้งความตั้งใจว่าจะนำขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แต่เมื่อพระองค์ทรงเสด็จสวรรณคตก็รู้สึกเสียใจมากจึงตั้งใจนะนำประดิษฐานภายในวัดร่องขุ่นต่อไป
อาจารย์เฉลิมชัย เปิดเผยว่าในชีวิตของตนนั้นได้พากเพียรสร้างศิลปะที่วัดร่องขุ่นอย่างเต็มที่และหนึ่งในความมุ่งมั่นในการจัดสร้างขึ้นอย่างมากคือองค์พระพุทธรูป ซึ่งมีเอกลักษณ์ของความเป็นศิลปะในยุคสมัยของรัชกาลที่ 9 อย่างแท้จริง โดยไม่ได้ลอกเลียนแบบมาจากศิลปะของยุคใดๆ
ไม่ว่าจะเป็นยุคสุโขทัย อยุธยา ฯลฯ ทำให้หลังจากตนได้แรงบันดาลใจจากการถวายงานรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้วยการวาดภาพประกอบพระราชนิพนธ์พระมหาชนกมาสร้างวัดร่องขุ่นแล้ว ก็ได้จัดสร้างพระพุทธรูปไว้แล้วหลายองค์แล้วนำไปประดิษฐานตามจุดต่างๆ ของวัด เช่น พระประธานภายในอุโบสถขาว เป็นต้น กระนั้นทั้งหมดนั้นตนก็ยังคิดว่าทั้งหมดยังไม่ถึงที่สุด
อาจารย์เฉลิมชัย กล่าวว่าด้วยเหตุนี้เมื่อประมาณ 2 ปีก่อนตนจึงตั้งใจจัดสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้น เพื่อให้เป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามที่สุดและไม่ลอกเลียนแบบศิลปะของยุคสมัยใดแต่เป็นยุครัตนโกสินทร์สมัยรัชกาลที่ 9 อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ใช้ระยะเวลาจัดสร้างนานเพราะมีการแก้ไขกันแล้วหลายรอบ
กระทั่งผ่านพ้นเวลาไป 2 ปีดังกล่าว จึงเห็นว่าใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้วโดยคาดว่าน่าจะแก้ไขอีกราว 1-2 ครั้งก็คงจะแล้วเสร็จ จากนั้นตั้งใจเอาไว้ว่าจะให้เป็นต้นแบบเพื่อส่งให้โรงหล่อทำการหล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ตามขนาดต้นแบบ แล้วนำขึ้นทูลเกล้าถวายในหลวงและขอพระราชทานชื่อพระพุทธรูปด้วย แต่เมื่อต้องมีเหตุที่ทำให้คนไทยทั้งหมดเศร้าโศกเสียใจดังกล่าวทำให้ตนไม่มีโอกาสนำถวายอีกต่อไป
ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย กล่าวอีกว่า ตนจะยังคงมุ่งมั่นจัดสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ให้ได้ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์และเมื่อแล้วเสร็จแล้วก็จะนำไปประดิษฐานเพื่อความเป็นสิริมงคลภายในวัดโดยปัจจุบันได้มีการจัดทำสถานที่เป็นเนินแห่งหนึ่งภายในวัดลักษณะเป็นเกาะที่มีน้ำล้อมรอบ บนเกาะมีมหาวิหารที่งดงามจากนั้นจะได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ไปประดิษฐานไว้บริเวณด้านหน้ามหาวิหารเพื่อให้ผู้คนได้เข้าชมและสักการะบูชาต่อไป