สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เกิดเหตุไฟไหม้ในตู้โดยสารของรถไฟใต้ดินในเขตปกครองพิเศษฮ่องกงของจีน ในช่วงเวลาเร่งด่วนเมื่อเย็นวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 15 คน และต้องมีการอพยพผู้โดยสารออกมาจากสถานี คลิปวิดีโอที่เผยแพร่บนโลกออนไลน์แสดงให้เห็นถึงความโกลาหลอลหม่านในสถานีรถไฟใต้ดินจิมซาจุ่ย หลังจากที่ตู้โดยสารหนึ่งของขบวนรถไฟเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นหลายจุดและมีควันขโมงไปทั่วสถานี มีผู้โดยสารรายหนึ่งนอนอยู่บนชานชาลาโดยที่เสื้อผ้าของเขาติดไฟและผู้ที่อยู่บริเวณนั้นจำนวนหนึ่งพยายามเข้าช่วยเหลือ
โฆษกหญิงของสำนักงานตำรวจเปิดเผยว่า “เราได้ประกาศขอร้องให้ผู้คนอพยพออกจากสถานีจิมซาจุ่ยโดยเร็ว” ขณะที่ภาพถ่ายจากสถานีวิทยุโทรทัศน์อาร์ทีเอชเคของทางการฮ่องกงแสดงให้เห็นตู้โดยสารของรถไฟที่มีควันขโมงและบรรยายสถานการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าวว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความตื่นตระหนกและโกลาหลอลหม่าน
รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่สามารถดับไฟได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ทำนองนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นในศูนย์กลางทางการเงินของเอเชียแห่งนี้ที่เครือข่ายการขนส่งสาธารณะมีชื่อเสียงในด้านความปลอดภัยและมีประสิทธิผล
บริษัทขนส่งมวลชนทางระบบราง (เอ็มทีอาร์) ซึ่งบริหารจัดการรถไฟใต้ดินฮ่องกงประกาศผ่านทางระบบขยายเสียงไปยังทุกสถานีว่า เจ้าหน้าที่ของบริษัทสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว โดยรถไฟสามารถวิ่งให้บริการได้ตามปกติแต่จะไม่จอดที่สถานีจิมซาจุ่ย ซึ่งเป็นย่านการค้าปลีกที่โด่งดัง อย่างไรก็ตาม เอ็มทีอาร์ระบุว่า หากผู้โดยสารมีทางเลือกอื่นในการเดินทางให้พิจารณาหลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินสายดังกล่าวไปก่อน
ล่าสุด เซาธ์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า เหตุการณ์ไฟไหม้ตู้โดยสารรถไฟใต้ดินสายฉวนวันหรือสายสีแดงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีชายคนหนึ่งขว้างระเบิดขวดเข้าไปในตู้โดยสารของรถไฟ เมื่อเวลาราว 19.14 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 16.14 น.ในไทย)
ตำรวจระบุว่า “ชายคนหนึ่งพยายามขว้างระเบิดขวดที่จุดไฟแล้วขึ้นไปบนขบวนรถไฟที่มีผู้โดยสารหนาแน่นขณะที่รถไฟกำลังเข้าเทียบชานชาลาของสถานีจิมซาจุ่ยทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้น อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่ายังไม่มีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย และยังไม่ทราบแรงจูงใจในการก่อเหตุแต่อย่างใด
ล่าสุดเมื่อเวลาราว 21.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น สถานีจิมซาจุ่ยยังคงปิดให้บริการโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ระเบิดอยู่ในพื้นที่เพื่อตรวจสอบและเก็บหลักฐาน รวมถึงมีการส่งเจ้าหน้าที่หน่วยต่อต้านก่อการร้ายไปลาดตระเวณตามสถานีรถไฟใต้ดินแห่งอื่นๆ ด้วย