สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม สิบเอกเรย์ เคลลีย์ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานนายอำเภออลาเมดา เคาน์ตี ในเมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า อาจมีผู้เสียชีวิตมากถึง 40 รายในเหตุการณ์ไฟไหม้ระหว่างงานปาร์ตี้จัดแสดงดนตรีและเต้นรำข้ามคืนที่จัดขึ้นที่ชั้น 2 ของอาคาร “โอ๊คแลนด์ โกสท์ชิป” อาคารซึ่งเดิมเคยเป็นโกดังเก็บของแต่ถูกเปลี่ยนให้เป็นที่อยู่และสถานที่จัดเก็บงานศิลปะ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ายังมีผู้ร่วมงานปาร์ตี้ดังกล่าวอีกไม่น้อยกว่า 24 คนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพบศพผู้เสียชีวิตแน่นอนแล้วเพียง 9 ศพเท่านั้นเอง
ข่าวระบุว่า เหตุไฟไหม้ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.30 น. คืนวันที่ 2 ธันวาคม ตามเวลาท้องถิ่น บริเวณด้านหลังของพื้นที่ชั้น 2 ที่จัดงานปาร์ตี้ และลุกลามอย่างรวดเร็ว โหมไหม้รุนแรงต่อเนื่องจนหลังคาของอาคารพังทลายลงมากองกับพื้นชั้น 2 ซึ่งมีบางส่วนถล่มลงไปกองอยู่กับพื้นที่ชั้นล่างอีกด้วย นางเทเรซา เดลอช รีด หัวหน้าสำนักงานดับเพลิงโอ๊คแลนด์ ระบุว่า เป็นเหตุไฟไหม้ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาตลอดทั้งชีวิต ในขณะที่เจ้าหน้าที่ยอมรับว่าเมื่อตัวอาคารเย็นลงพอที่จะเข้าไปตรวจสอบได้คงพบเหยื่ออีกไม่น้อยอยู่ภายในซากปรักหักพังที่ดำเป็นตอตะโกอยู่ในเวลานี้
ทั้งนี้มีผู้อยู่ในเหตุการณ์รายหนึ่งซึ่งรอดมาได้เพราะออกมาซื้อเหล้า ระบุว่า ขณะเกิดเหตุน่าจะมีผู้อยู่ในงานปาร์ตี้ราว 60-70 คน ในขณะที่หน้าเฟซบุ๊กของงานปาร์ตี้นี้ระบุว่ามีผู้วางแผนจะเข้าร่วมปาร์ตี้มากถึง 176 คน
ทางด้านนายดาริน ราเนลเลตติ หัวหน้าฝ่ายอาคารและผังเมืองของทางการเมืองโอ๊คแลนด์เปิดเผยว่า เคยมีผู้ร้องเรียนอาคารแห่งนี้ต่อทางการว่ามีการต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ผู้ตรวจสอบยังไม่ทันเข้าไปตรวจสอบก็เกิดกรณีนี้ขึ้นมาก่อน อย่างไรก็ตามคดีดังกล่าวยังเปิดอยู่ และแม้ว่าเจ้าหน้าที่ไม่คิดว่าเหตุครั้งนี้จะเป็นการลอบวางเพลิง แต่ก็ต้องตรวจประวัติว่ามีการละเมิดกฎเกณฑ์การก่อสร้างและต่อเติมอาคารหรือไม่ด้วย