สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.4 แมกนิจูด ที่ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยสำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกา (ยูเอสจีเอส) แจ้งว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ อยู่ห่างจากเมืองไครสต์เชิร์ช เกาะใต้ของนิวซีแลนด์ ราว 90 กิโลเมตร หลังผ่านเที่ยงคืนย่างเข้าสู่วันที่ 14 พฤศจิกายนได้ไม่กี่นาที
อย่างไรก็ตาม ศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิก ของสหรัฐอเมริกา แจ้งว่า ไม่มีการแจ้งเตือนภัยสึนามิแต่อย่างใด โดยทางศูนย์ระบุว่า จากข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดไม่พบว่าจะเกิดคลื่นยักษ์สึนามิขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก
ขณะที่เอเอฟพีรายงานว่า สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนนิวซีแลนด์ได้ออกประกาศเตือนภัยสึนามิขึ้นบริเวณชายฝั่งตอนใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ โดยระบุว่า อาจจะเกิดขึ้นสึนามิขึ้นได้ และคลื่นลูกแรกที่กระทบฝั่งอาจจะไม่ได้รุนแรงที่สุด และอาจจะมีสึนามิตามมาต่อเนื่องอีกหลายชั่วโมง พร้อมกับเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งตะวันออกทั้งหมด หนีไปอยู่ที่สูง และคาดว่า คลื่นอาจจะสูงไม่เกิน 1 เมตร
ด้านเว็บไซต์จีโอเน็ตของรัฐบาลนิวซีแลนด์รายงานว่า สามารถวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.6 แมกนิจูด และแรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้เป็นวงกว้างไปทั่วประเทศนิวซีแลนด์ พร้อมกับได้มีการประกาศให้ประชาชนเฝ้าระวังแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหวหรืออาฟเตอร์ช็อกที่จะเกิดขึ้นตามมา
นางแทมซิน อีเดนเซอร์ แม่ลูกสองซึ่งอยู่ที่เมืองไครสต์เชิร์ช เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า แรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นอยู่นานพอสมควร ขณะที่ทุกคนกำลังหลับกันอยู่ แต่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่เห็นร่องรอยของความเสียหายตามถนนหนทางต่างๆ และไฟฟ้ายังคงมีใช้ตามปกติ เพียงแต่เป็นห่วงเมืองหรือหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับศูนย์กลางแผ่นดินไหว
ทั้งนี้ ไครสต์เชิร์ช เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของเกาะใต้นิวซีแลนด์ และเคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.3 แมกนิจูดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 185 ราย และสร้างความเสียหายให้แก่เมืองไครสต์เชิร์ชอย่างมาก
