เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2558 พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร ให้สัมภาษณ์กับรายการแชร์เล่าข่าวเด็ด ระบุถึงแนวทางรับมือปัญหาผู้ขับขี่รถบิ๊กไบค์ที่มักจะเกิดอุบัติร้ายแรงหลายครั้งในช่วงนี้
ตำรวจจราจรต้องเข้มมาตรฐานกฎหมายแบบเดียวกับมอเตอร์ไซค์ทั่วไป ไม่ได้ให้สิทธิพิเศษหรือให้วิ่งในช่องพิเศษ ไม่ว่าจะมีแรงม้าเท่าไรก็จะดำเนินคดีหมด พร้อมคุมความเร็วตามกฎหมายที่อนุญาตต้องไม่เกิน 90 กม./ชม. ปัจจุบันผู้ที่จะทำใบขับรถจักรยานยนต์แบบไม่กำหนดซีซี ต้องอายุ 18 ปี จึงมีส่วนปัญหาที่เด็กมัธยมหันมาขี่รถบิ๊กไบค์มากขึ้นถือว่าน่าเป็นห่วง
ในอนาคตกองบังคับการตำรวจจราจร เตรียมจะเสนอให้มีการแยกประเภทผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกเป็นช่วงอายุที่ชัดเจน โดยยึดตามความเร็วของรถที่มีแรงม้าสูง (ซีซี) ซึ่งในต่างประเทศมีการดำเนินการแล้ว
“เราอยากให้คนที่ขับบิ๊กไบค์ได้ต้องอายุ 30 ปีขึ้นไป จึงจะขับรถประเภทนี้ได้ และมีเหตุผลประกอบอื่น ๆ ประกอบด้วย ยืนยันว่าทุกวันนี้ เราไม่มีข้อยกเว้นในการจับรถบิ๊กไบค์ แต่ปัญหาอยู่ที่ข้อจำกัดเรื่องซีซีของรถรถตำรวจซีซีต่ำกว่าของรถบิ๊กไบค์ เราจึงมาตั้งจับที่ด่าน
บางทีจับที่อื่นแล้วเค้าขับหนี แล้วเราจับไม่ทัน เราขับรถฝ่าไป ก็จะอันตราย มีบางรายไปโพสต์เฟซบุ๊ก ทำไมตำรวจต้องมาค้น ผมยืนยันว่าคนรวยผิดเราจับ คนจนผิดเราก็จับ ถ้าไม่จับก็จะกลายเป็น 2 มาตรฐาน
สำหรับเรื่องการวัดเดซิบเบลของรถบิ๊กไบค์ พ.ร.บ.จราจรทางบก ระบุไว้ว่าเสียงจากท่อไอเสียกำหนดไว้ แต่เครื่องมือในการตรวจสอบเรามีน้อย จึงไม่ได้ตรวจกัน เราทำงานตลอด 7 วัน ตำรวจจราจรไม่มีวันหยุด เราไม่ได้ทำงานแบบผักชีโรยหน้า แต่ขณะนี้กำลังเราขาดแคลนค่อนข้างมาก” พ.ต.อ. เอกรักษ์ ระบุ