ที่มา: matichon

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดกระแสการถกเถียงในโลกโซเชียลเกี่ยวกับกรณีเศียรพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ซึ่ง ผศ.ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกุล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ ม.รามคำแหง เสนอแนวคิดว่าเป็นเศียรพระศรีสรรเพชญ์ พระพุทธรูปสำคัญของกรุงศรีอยุธยา

เนื่องจากขนาดพระเศียร , ขนาดที่พบ และรูปแบบศิลปะ เป็นต้น นอกจากนี้ อาจารย์ท่านดังกล่าว ยังเชื่อว่า พระศรีสรรเพชญ์ ไม่ได้ถูกพม่าเผาไฟเพื่อลอกทองตามที่เชื่อกันสืบมา เนื่องจากเหตุผลหลายประการ อาทิ เอกสารที่ระบุเช่นนั้น เขียนขึ้นในยุคหลังจากกรุงแตกไปแล้วเป็นเวลานาน จึงถือว่าหลักฐานอ่อน อีกทั้งจุดหลอมละลายของ “สำริดหุ้มทอง” ต้องใช้ความร้อนมากกว่า 1,064 องศาเซลเซียส ซึ่งต้องใช้เชื้อเพลิงมหาศาล  นอกจากนี้ผนังวิหารหลวงอันเป็นที่ประดิษฐานพระศรีสรรเพชญ์ก็ไม่ได้พังทลาย หรือกลายสภาพเป็นเหมือนเตาเผาภาชนะดินเผาที่ผ่านความร้อนสูง ส่วนรายงานขุดค้นทางโบราณคดีที่ฐานชุกชีพระศรีสรรเพชญ์ ก็ไม่พบร่องรอย “ชั้นดินที่ถูกเผา” แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ผศ.ดร. รุ่งโรจน์ เชื่อว่ามีการเผาพระพุทธรูปดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้ทำเพื่อลอกทอง ซึ่งต้องใช้อุณหภูมิสูงมากดังที่กล่าวไปแล้ว ทว่าเผาเพื่อทำลายกรุงศรีอยุธยาในเชิงสัญลักษณ์ เพื่อให้ผู้คนขวัญเสียมากกว่า

เมื่อแนวความคิดดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้มีผู้สนใจด้านประวัติศาสตร์ รวมถึงบุคคลทั่วไปตั้งคำถามอย่างมากมาย โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า หากพระศรีสรรเพชญ์ไม่ถูกเผาลอกทอง เหตุใดเมื่อรัชกาลที่ 1 อัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญมาปฏิสังขรณ์ในพระนคร จึงไม่ทรงอัญเชิญเศียรพระศรีสรรเพชญ์จากอยุธยามาด้วย

ทั้งที่เป็นพระพุทธรูปสำคัญ พระองค์ต้องเคยทรงทอดพระเนตรเห็นอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ทรงทราบว่าเศียรใดคือเศียรพระศรีสรรเพชญ์ รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับอุณหภูมิการเผา ซึ่งบางความคิดเห็นเชื่อว่าพระศรีสรรเพชญ์สร้างจากทองคำที่มีความบริสุทธ์สูง จึงไม่น่าจะต้องใช้อุณหภูมิสูงมากอย่างที่ผศ.ดร.เสนอไว้ เป็นต้น

ทั้งนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับข้อสันนิษฐานทั้งหมด ตีพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือ พระศรีสรรเพชญ์ ไม่ถูกไฟเผาลอกทอง ตอนกรุงแตก โดยสำนักพิมพ์มติชน สามารถไปหาซื้ออ่านได้ค่ะ 

เครดิตจาก มติชนออนไลน์

เรื่องน่าสนใจ