ที่มา: sanook

ข้อมูลจากหนังสือ “แลวัง หลังตำหนัก” โดย หม่อมราชวงศ์หญิง เบญจาภา (จักรพันธุ์) ไกรฤกษ์ , คลังประวัติศาสตร์ไทย ระบุไว้ว่า คืนหนึ่งในเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2489 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีเจ้าหญิงสูงวัยอยู่หนึ่งพระองค์มีพระนามว่า “พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงเฉิดโฉม” ผู้เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ซึ่งขณะนั้นพระองค์กำลังประทับรักษาอาการประชวรพระโรคชราด้วยพระชนม์ 90 ชันษา

r1

จากภาพคือ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงเฉิดโฉม

ในคืนนั้นเองพระองค์ทรงมีเรื่องแปลกเล่าให้ คุณนิภา ตะละภัฎ ผู้เป็นพยาบาลส่วนพระองค์ฟังว่าทรงฝันเห็น “พระปิ่นเกล้าฯเสด็จมาแจ้งเหตุร้ายให้พระองค์ทราบว่า “พระเจ้าอยู่หัวอนันฯจะถูกปองร้าย”

พระปิ่นเกล้าฯจึงพระราชทานคาถาให้แก่พระองค์เพื่อนำไปทูลเกล้าถวายพระเจ้าอยู่หัวอนันฯ เมื่อเล่าให้คุณนิภาฟังเสร็จ พระองค์ก็ทรงขอร้องคุณนิภาให้นำความเรื่องนี้ไปกราบทูลสมเด็จพระบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ให้ทรงทราบ แต่คุณนิภาก็ปฏิเสธเพราะคิดว่าพระองค์หญิงเฉิดโฉมอาจจะทรงฟั่นเฟือนเพราะทรงพระชรามากแล้ว

r4

จากภาพคือ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4

ต่อมาในปลายเดือนพฤษภาคม พระองค์หญิงเฉิดโฉมทรงฝันอีกเป็นครั้งที่ 2 คราวนี้ฝันว่าพระปิ่นเกล้าฯเสด็จมาทรงเขกพระเศียร (เขกหัว) แล้วกริ้วให้พระองค์หญิงเฉิดโฉมว่า “ของแค่นี้ก็ทำไม่ได้” เมื่อบรรทมตื่นขึ้นมา พระองค์จึงเล่าให้คุณนิภาฟังพร้อมกับขอร้องอีกครั้งหนึ่งว่า เธอทำอย่างไรก็ได้ให้ความเรื่องนี้ทราบถึงพระกรรณในหลวงอนันฯ แต่คุณนิภาก็ยังปฏิเสธเช่นเดิม

จนถึงวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2489

ก่อนพระเจ้าอยู่หัวสวรรคตเพียงหนึ่งวัน พระองค์หญิงเฉิดโฉมก็ทรงรบเร้าให้คุณนิภาไปเชิญพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียรมาเฝ้า คราวนี้คุณนิภาจึงปฏิบัติตามโดยดี และเมื่อพระยาอนุรักษ์ฯมาเฝ้า พระองค์จึงรีบมอบคาถาดังกล่าวให้ไปเพื่อฝากทูลเกล้าฯถวายโดยเน้นว่า

“คาถานี้ใช้ได้แต่กับในหลวงพระองค์เดียวเท่านั้นหากผู้อื่นนำไปใช้ก็จะไม่เกิดประโยชน์อันใด” แต่แล้วพระยาอนุรักษ์ฯก็มิได้ทูลเกล้าฯถวายคาถาแต่อย่างใด

และแล้วในเวลาเช้าตรู่ของวันเกิดเหตุ ซึ่งตรงกับวันที่ 9 มิถุนายน 2489 พระองค์หญิงเฉิดโฉมได้ทรงหมดพระสติไปชั่วครู่ แต่เมื่อทรงฟื้นขึ้นมาก็ทรงร้องเอะอะโวยวายเป็นการใหญ่ บอกคุณนิภาว่าให้ช่วยด้วย เพราะเกิดเหตุร้ายขึ้นในพระบรมมหาราชวังแล้ว

พระองค์ตรัสว่าทรงเห็นแมลงวันบินว่อนอยู่เต็มวังหลวงจนน่ากลัว…จากนั้นไม่นานในช่วงสายของวันเดียวกันนั้นเอง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ก็ได้รับแจ้งว่า พระเจ้าอยู่หัวอนันฯทรงเสด็จสวรรคตเสียแล้ว

**ไม่มีผู้ใดกล้าเล่าเรื่องพระเจ้าอยู่หัวสวรรคตให้พระองค์หญิงเฉิดโฉมฟัง เพราะกลัวจะมีผลต่อพระหทัย…สองวันต่อมาพระองค์หญิงเฉิดโฉมก็สิ้นพระชนม์ตามพระเจ้าอยู่หัวไป

พระศพของพระองค์ถูกอัญเชิญจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์กลับเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง โดยพระศพถูกตั้งไว้ที่ตำหนักเล็กๆ หลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทอันเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล**

ถือเป็นพระราชธิดาใน พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่สิ้นพระชนม์เป็นลำดับหลังสุด พระองค์หญิงเฉิดโฉมทรงคุณวุฒิหลายประการ ท่านทรงรอบรู้ทางโหราศาสตร์ นาฏศาสตร์ และทั้งมีพระชนมายุแล้ว ยังหัดอ่านเขียนภาษาอังกฤษจนอ่านและเขียนได้ เพราะวังหน้าที่ซึ่งเป็นวังเก่าของท่านนั้นไม่ได้ห้ามให้ผู้หญิงฝรั่งเข้าวัง ท่านจึงได้ติดต่อกับแหม่มโคล์ และ แหม่มยอร์ช ในการเรียนภาษา

r3

จากภาพคือ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงเฉิดโฉม และพิธีอัญเชิญพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8

ข้อมูลและภาพประกอบจาก : หนังสือ “แลวัง หลังตำหนัก” โดย หม่อมราชวงศ์หญิง เบญจาภา (จักรพันธุ์) ไกรฤกษ์ , คลังประวัติศาสตร์ไทย

เรื่องน่าสนใจ