จากข่าวรับน้องฉาว เมื่อรุ่นพี่บังคับรุ่นน้องสาวประเภทสองถอดเสื้อโชว์ทั้งที่มีหน้าอกแล้ว ซ้ำยังถูกหัวเราะเยาะขณะนั่งทรุดลงร้องไห้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ล่าสุด เพจเฟสบุ๊ค Drama-addict เผยว่า จากการตรวจสอบไปยังหน้าเฟสบุ๊คของรุ่นพี่ที่ก่อเหตุ ยังมีบางคนไม่รู้สึกเสียใจต่อการกระทำของตัวเอง ซ้ำร้ายยังมีการโพสต์ข้อความอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เหยียดใส่รุ่นน้องผู้เสียหาย ระบุว่า “หน้าตามึง น่าคุกคามมากอะ 55”
ทั้งนี้ กิจกรรมรับน้องถือเป็นประเพณีอย่างหนึ่งในการต้อนรับนิสิตนักศึกษาใหม่ก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เป็นกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องให้ได้รู้จักกันก่อนจะมาใช้ชีวิตร่ำเรียนอยู่ในคณะวิชาหรือมหาวิทยาลัยเดียวกันตลอดหลายปีข้างหน้า
ข้อมูลจาก ดร.แพง ชินพงศ์ เคยระบุไว้ว่า โดย กิจกรรมการรับน้องนี้ได้รับอิทธิพลมาจากระบบ “โซตัส” (SOTUS) ที่มาจากแนวคิดในการปกครองคนในอาณานิคมของประเทศอังกฤษและอเมริกา ซึ่ง SOTUS มีความหมายมาจากอักษรย่อคือ
S = Seniority หมายถึง เคารพและเกรงใจผู้อาวุโส
O = Order หมายถึง มีระเบียบวินัยทำตามคำสั่งของผู้อาวุโส
T = Tradition หมายถึง ทำตามประเพณีที่ปฏิบัติกันมาตามที่ผู้อาวุโสวางไว้
U = Unity หมายถึง ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
S = Spirit หมายถึง การมีจิตวิญญาณที่รักและอุทิศเพื่อสถาบัน
สำหรับประเทศไทย กิจกรรมรับน้องนั้นดูเหมือนจะกลายเป็นประเพณีสำคัญที่จะขาดเสียไม่ได้ของทุกมหาวิทยาลัย ซึ่งแต่เดิมมาก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีเพราะช่วยสร้างความรักความผูกพันธ์กันให้แน่นแฟ้นระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องครูบาอาจารย์
แต่ในปัจจุบันกิจกรรมนี้เปลี่ยนไปในลักษณะที่คึกคะนอง โลดโผน ดุดัน ก้าวร้าว รุนแรงและหยาบคาย จนได้ยินข่าวกันอยู่ในทุกปีถึงการบาดเจ็บและเสียชีวิตของรุ่นน้อง หรือความคึกคะนองที่ทำให้เกิดความหมิ่นเหม่หรือเสื่อมเสียทางด้านศีลธรรม
ด้วยเหตุนี้ คงถึงเวลาแล้วที่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนต้องหันมาทบทวนกันอย่างจริงจังแล้วว่า ประเพณีการรับน้องใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยปัจจุบันนี้ มีความเหมาะสมและต้องปรับปรุงแก้ไขในแง่ใดบ้าง ?