ก่อนที่สยามจะเริ่มมีการใช้เพลงชาติเป็นเพลงของชาติอย่างเป็นทางการนั้น สยามได้ใช้เพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นเพลงหลักที่แสดงความเป็นองค์แทนหรือตัวแทนของความเป็นชาติผ่านสถาบันพระมหากษัตริย์มาก่อน (ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างปัจจุบันนั้น
พระมหากษัตริย์ชาติสยามทุกพระองค์ทรงเป็นผู้ที่มีพระราชอำนาจสูงสุดในประเทศ ดังนั้นเพลงสรรเสริญพระบารมี จึงเป็นบทเพลงสำหรับใช้บรรเลงเพื่อสรรเสริญพระบารมีแห่งพระมหากษัตริย์นั่นเอง) โดยใช้บรรเลงถวายความเคารพตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. ๒๔๓๑
ในส่วนของเนื้อร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีฉบับปัจจุบันที่พวกเราชาวไทยต่างรู้จักกันดีนั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงเป็นผู้นิพนธ์เนื้อร้องประกอบและได้มีการบรรเลงเป็นครั้งแรก ณ ศาลายุทธนาธิการในปี พ.ศ. ๒๔๓๑
ต่อมาเมื่อถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงนำเพลงสรรเสริญพระบารมี มาพระราชนิพนธ์คำร้องขึ้นใหม่
โดยทรงรักษาคำร้องเดิมเอาไว้เกือบทุกอย่าง ยกเว้นแต่ทรงเปลี่ยนคำร้องในท่อนสุดท้ายว่า ฉะนี้ ให้เป็น ชโย และประกาศใช้ ในวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ และใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
เนื้อร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีฉบับที่ใช้ในปัจจุบัน (ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๕๖)
ข้าวรพุทธเจ้า เอามโนและศิระกราน
นบพระภูมิบาล บุญดิเรก
เอกบรมจักริน พระสยามินทร์
พระยศยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล
ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์
ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด
จงสฤษดิ์ดัง หวังวรหฤทัย
ดุจถวายชัย ชโย