เมลาโทนิน กับการบรรเทาอาการนอนไม่หลับ ในระยะเริ่มแรก ความจริงแล้ว คนเราควรได้นอนหลับพักผ่อนเฉลี่ยวันละ 8 ชั่วโมง บางคนอาจมองดูว่ามากไปหรือน้อยไป ตามแต่เหตุผลของการใช้ชีวิต แต่อย่าลืมว่าเวลาที่ร่างกายใช้งานมีมากถึงวันละ 16 ชั่วโมง ซึ่งเทียบแล้วคือสองเท่า ในขณะที่เรานอนหลับ ระบบในร่างกายจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอจากการใช้งาน หรือเซลล์ที่ถูกทําลาย เหมือนกับเครื่องจักร เครื่องยนต์ ที่เมื่อถึงเวลาก็ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เข้าศูนย์ เพื่อตรวจสอบสภาพ มันไม่สามารถทํางานได้ตลอดเวลา ร่างกายก็เช่นเดียวกัน

 

เมลาโทนิน

 

เมลาโทนิน กับการบรรเทาอาการนอนไม่หลับ ในระยะเริ่มแรก

ในยามค่ำคืน เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า จะมีสารที่ถือเป็นฮอร์โมนแห่งรัตติกาลนั่นก็คือ Melatonin ร่างกายคนเราจะมีวงจรการตื่นตัว และการนอนหลับ หรือที่เรียกว่า Awake Sleep Cycle ในส่วนนี้จะถูกควบคุมโดยสมองส่วนไฮโปธาลามัส เมื่อจอประสาทตารับแสงแดด ก็จะส่งสัญญาณไปที่สมอง ทําให้ร่างกายเกิดการตื่นตัว ในทางตรงกันข้าม เมื่อแสงแดดหายไป จอประสาทตาจะส่งสัญญาณเพื่อบอกว่าเป็นเวลากลางคืนไฮโปธาลามัส จะมีการกระตุ้นให้ต่อมไพเนียล (Pineal Gland) ผลิตเมลาโทนิน

 

เมลาโทนิน
ภาพจาก verywellhealth.com

 

เมลาโทนินเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่ง ที่ร่างกายผลิตตามธรรมชาติ จะค่อยๆ หลั่งทีละน้อย ซึ่งจะมีมากในช่วง 22.00 – 23.00 น. ในช่วงนี้ เราจะรู้สึกง่วงนอน ขณะที่เมลาโทนินมีการหลั่ง ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงโดยที่เราไม่รู้ตัว เช่น อุณหภูมิในร่างกายลดลง ความตื่นตัวของสมองลดลง ซึ่งเมลาโทนินจะเป็นตัวช่วยส่งเสริมทําให้ร่างกายต้องนอนหลับ

เมลาโทนินกับการชะลอวัย
มีการศึกษาพบว่า เมลาโทนินออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณอนุมูลอิสระที่อยู่ในร่างกายของเรา เพราะสารอนุมูลอิสระนี้ จะคอยทําลายเซลล์ในร่างกายตลอดเวลา เมลาโทนินก็จะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ หากพลาดโอกาสทอง คือช่วงเวลาที่เมลาโทนินมีการหลั่งมากที่สุดคือ 22.00 – 23.00 น. หากเราอดนอน หรือนอนน้อย ก็จะทําให้มีการสร้างสารนี้ลดลง ส่งผลให้เกิดการอักเสบหรือ ภูมิแพ้ของผิวหนังได้ง่ายขึ้น

 

เมลาโทนิน

 

นอกจากนี้ เมลาโทนินยังช่วยเสริมฤทธิ์การผลิตโกรธฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งโกรธฮอร์โมนจะช่วยซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ เสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย เสริมกล้ามเนื้อ และสร้างความแข็งแรงของกระดูก ช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์ สร้างสมดุลระบบการเผาผลาญอาหาร และช่วยซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ดังนั้น หากขาดฮอร์โมนชนิดนี้ ผิวหนังก็จะหย่อนคล้อย และเหี่ยวย่นได้ ซึ่งในส่วนนี้ เมลาโทนินทําหน้าที่ในการกระตุ้นการผลิตโกรธฮอร์โมนให้ทําหน้าที่ แต่ยังไม่มี หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่า การกินยาในกลุ่มเมลาโทนินเพื่อชะลอวัยนั้น เป็นไปได้หรือไม่ คือยังไม่มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน จําเป็นต้องทําการวิจัยเพื่อเป็นข้อมูลยืนยันมากกว่านี้

นอกจากนี้ ก็ยังมีบทบาทสําคัญในการทํางานของร่างกาย ได้แก่ ปรับการทํางานของระบบหัวใจและหลอดเลือด ลดอัตราการเต้นของหัวใจ เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ควบคุมการหลั่งฮอร์โมนชนิดอื่นๆ ของร่างกาย และควบคุมระบบเมตาบอลิซึม

 

ภาพจาก bestvitaminstore.com

 

ยารักษาอาการนอนไม่หลับ
ในต่างประเทศ มีเมลาโทนินในรูปแบบอาหารเสริม และขึ้นทะเบียนเป็นยา เพราะมีการตรวจพบเมลาโทนินในอาหารและพืชบางชนิด จึงมีการสกัดเป็นอาหารเสริม ซึ่งข้อแตกต่างระหว่างอาหารเสริมกับยา คือขั้นตอนการผลิต ในรูปแบบของยาจะมีมาตรฐานมากกว่า และมีปริมาณสารสําคัญในแต่ละเม็ดที่แน่นอน ซึ่งทั้งสองแบบถูกนํามาใช้ในเรื่องบรรเทาอาการนอนไม่หลับในระยะเริ่มแรก รวมไปถึงคุณภาพของการนอนให้ยาวตลอดทั้งคืน เพราะบางคนหลับง่าย แต่ตื่นระหว่างคืนบ่อย และนํามาแก้ไข ภาวะ Jet leg เนื่องจากร่างกายยังเคยชินกับสภาพสิ่งแวดล้อมเดิม นาฬิกาชีวิตยังไม่ถูกปรับ การเดินทางข้ามทวีปซึ่งทําให้มีช่วงเวลาที่ต่างกัน เมื่อถึงเวลากลางคืนจึงนอนไม่หลับ ก็จําเป็นต้องใช้ยาเมลาโทนินในการช่วยปรับ ซึ่งจะช่วยให้นอนง่ายขึ้น และตื่นเป็นเวลา

สําหรับเมลาโทนินที่ขึ้นทะเบียนเป็นยา จะมีขนาด 2 มิลลิกรัม ตามหลักฐานงานวิจัยทางการแพทย์ สามารถทานได้อย่างต่อเนื่อง 12 สัปดาห์ และถึงแม้ว่าจะหยุดใช้ยาเมลาโทนิน ก็ไม่ส่งผลให้เกิดอาการนอนหลับยากขึ้น เหมือนกับเวลาหยุดใช้กลุ่มยานอนหลับ แต่อย่างไรก็ตาม หากมีความจําเป็นต้องใช้ยาฮอร์โมนเมลาโทนิน ก็ควรปรึกษาแพทย์ถึงขนาด และระยะเวลาที่จําเป็นต้องใช้

** ผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมน มลาโทนินอาจทําให้เกิดอาการปวดศีรษะ ฝันร้าย หรือง่วงนอนมากกว่าปกติได้

……………………………………………………………………………………………

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการนอนหลับ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสําคัญ เพราะหากเข้านอนหลังเที่ยงคืนอย่างที่คนส่วนใหญ่นิยม ก็จะส่งผลให้คุณภาพของการผลิตเมลาโทนิน รวมถึงโกรธฮอร์โมนลดลง ก็เปรียบเสมือนร่างกายไม่มีช่างมาซ่อมส่วนที่ชํารุด จึงไม่แปลก หากการนอนดึกเป็นประจําสม่ำเสมอ จะทําให้หน้าแก่กว่าวัยอันควร ผิวแห้งกร้าน ไม่มีน้ำมีนวล และยิ่งดึก ก็ยิ่งทําให้ท้องร้อง ต้องหาของกิน ร่างกายแทนที่จะได้พักผ่อน กลับทํางานหนัก โรคอ้วนก็ถามหา ความดัน น้ำตาล มะเร็ง ก็ตามมาอย่างไม่ต้องมีข้อสงสัยใดๆ

 

เนื้อหาโดย Dodeden.com

เรื่องน่าสนใจ