ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

ม้าทรงศาลเจ้าเก่าแก่ภูเก็ต “บางเหนียว”นับร้อยเมินตำนานถือศีลกินผัก แห่พระรอบเมืองใช้ของมีคมนานาชนิดทิ่มแทงทะลุกระพุ้งแก้ม-ทรมานร่างกาย ขณะที่กินเจสัตหีบคึกคักม้าทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ ใช้ของแหลมแทงปากมีดปาดลิ้น…

EyWwB5WU57MYnKOuXodjBoZ3EzhmRu78qNiZCH3OYU7Sbl8Xj1kZjN

เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ซึ่งเป็นวันที่ 6 ของประเพณีถือศีลกินผักประจำปี จ.ภูเก็ต และเป็นวันที่ 5 ของการประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์แห่พระรอบเมืองภูเก็ตหรือ”อิ้วเก้ง”หนึ่งในพิธีกรรมที่แต่ละศาลเจ้ายึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนานนับร้อยปี โดยใช้ศาสตราวุธหรือวัตถุมีคมนานาชนิดทิ่มแทงทะลุกระพุ้งแก้ม-ลิ้นหรือฟันตามร่างกายของเหล่าม้าทรงที่ถูกเทพที่ประดิษฐานอยู่ในศาลเจ้านั้นๆ เลือกสรรมาทรมานร่างกายแทนพี่น้องชาวภูเก็ต เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรคภัยไข้เจ็บแพร่ระบาดหรือเป็นการต่อชะตาให้กับม้าทรงคนดังกล่าว

โดยศาลเจ้าบางเหนียวต่าวโบเก้งหรือมูลนิธิเทพราศี ถ.ภูเก็ต ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต หนึ่งในศาลเจ้าเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต ที่มีอายุนับร้อยปีและมีเหล่าม้าทรงกว่า 500 คน รองจากศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบเก้ง อ.เมือง ยังคงใช้ศาสตราวุธหรือของมีคมที่อยู่นอกเหนือตำนานหรือประเพณีถือศีลกินผัก ที่ครั้นโบราณยึดถือเหมือนเช่นศาลเจ้าอื่นๆ ที่ประกอบพิธีแห่พระไปก่อนหน้านี้ เช่น ปืนยาว ดาบซามูไร ล้อรถ เป็นต้น

NjpUs24nCQKx5e1D61e8bOKykLQBnumvybn6mZcCRS1

โดยไม่สนใจคำเตือนของ สสจ.ภูเก็ตหรือชมรมอ๊ามภูเก็ต (ศาลเจ้า) ที่ขอความร่วมมืออย่าใช้อาวุธหรือวัตถุมีคมทิ่มแทงกระพุงแก้มหรือตามร่างกายให้อยู่ในประเพณีหรือไม่เกินความเป็นจริงที่ร่างกายจะรับได้ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การเสียเลือดมาก-แผลฉีกขาดจนบาดเจ็บหรือถึงแก่ชีวิต เนื่องจากต้องเดินเท้าตามเส้นทางต่างๆ กว่า 10 กม.ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ ทำให้ของมีคมที่ม้าทรงใช้เกินจริงนั้นร่างกายจะรับได้บาดเจ็บ หน่วยกู้ชีพมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตหามส่ง รพ.วชิระภูเก็ตจำนวนหนึ่ง ซึ่งล้วนเกิดจากแผลฉีกขาดของของมีคมท่ามกลางนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาตินับพันคนที่รอดูการทรมานร่างกายอยู่ตามถนนที่ขบวนแห่ผ่าน

NjpUs24nCQKx5e1D61e8bOKykLQBnunvGUGJGZqcmP0

โดยจะมีการจุดประทัดนับล้านๆนัดโยนใส่องค์พระที่อยู่บนเกี้ยว เพื่อเป็นการต้อนรับ ทำให้เสียงดังกึกก้องไปทั่วเมืองนับชั่วโมง นอกจากนี้ศาลเจ้าส่ามอ๋องหู้ (เชิงทะเล) ประกอบพิธีแห่พระในเขต อ.ถลาง โดยแต่ละศาลเจ้ายังคงประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น พิธีโก้ยโห้ย (พิธีลุยไฟ) พิธีโข้กุ้น (พิธีเลี้ยงอาหารทหารที่รักษาศาลเจ้า) พิธีซ่งเก้ง (สวดมนต์) เป็นต้น

ขณะที่ อ.สัตหีบ นายกิตติ อุดม ประธานศาลเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ หรือปู่เทพมังกรทอง ได้นำขบวนแห่เจ้า เข้าทรง เทศกาลถือศีลกินเจของชาวไทยเชื้อสายจีน ของศาลเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ ที่ได้จัดให้มีพิธีทรงเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวจีน และชาวไทยเชื้อสายจีน เคลื่อนขบวนแห่ไปตามถนนภายในตลาดสหชัย ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อให้ประชาชนได้ตั้งโต๊ะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยม้าทรงทั้งหญิง และชายได้แสดงอภิหารสุดหวาดเสียว ใช้ของมีคม มีด เหล็กแหลม ทิ่มแทงที่กระพุ้งแก้มและใช้มีดปาดลิ้นเพื่อแสดงอิทธิฤทธิ์ อย่างไม่มีอาการเจ็บปวด ซึ่งสร้างความหวาดเสียวให้แก่ประชาชน ที่ไปรอชมขบวนแห่พระจำนวนมาก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการรับเคราะห์แทนผู้ถือศีลกินผัก

NjpUs24nCQKx5e1D61e8bOKykLQBnuveTbfmzUz7oxg

นายกิตติ อุดม ประธานศาลเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ กล่าวว่า สำหรับการเข้าทรงของพระจีน จะมาช่วยขจัดปัดเป่าทุกข์ร้อน รักษาโรคภัยไข้เจ็บ บันดาลความเจริญรุ่งเรืองในการประกอบอาชีพ และอำนวยความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้ที่เคารพเลื่อมใส เมื่อเทพเจ้าเข้าร่งม้าทรง จะตัวสั่นสะท้าน ส่ายหน้าไปมา มือเกร็งสั่นเทิ้มตลอดเวลา นอกจากนั้นการกระทำของพระจีนม้าทรงจะไม่รู้สึกตัวไม่มีความเจ็บปวด ซึ่งหลังออกจากการเข้าทรงแล้ว ร่างม้าทรงจะมีร่องรอยบาดแผลอยู่เพียงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเอง เชื่อว่าเป็นอิทธิฤทธิ์ของเทพเจ้าที่มาเข้าม้าทรง.

เรื่องน่าสนใจ