นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในปี 2559-2561 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เพิ่มมาตรการตัดวงจรยาเสพติด
โดยสถาบันธัญญารักษ์ กรมการแพทย์ ได้จัดทำโครงการบำบัดผู้เสพฝิ่นที่อยู่ในพื้นที่ที่ยังมีปัญหาการปลูกฝิ่นซ้ำซากและหนาแน่นประมาณ 1,230 ไร่ ใน 126 หมู่บ้าน 7 อำเภอของ 3 จังหวัด
นาวาอากาศตรีแพทย์บุญเรือง กล่าวว่า การเสพฝิ่นของชนเผ่าประมาณร้อยละ 80 ยังเป็นการสูบซึ่งเป็นรูปแบบเดิม อีกร้อยละ 20 ใช้วิธีฉีดเข้าเส้นเลือด พบในพื้นที่โซนล่างของอ.อมก๋อยและโซนบนของอ.แม่ระมาด เพราะเชื่อว่าออกฤทธิ์เร็วและใช้ปริมาณน้อยกว่า การบำบัดรักษาในพื้นที่เป้าหมายจะเน้นให้ผู้เสพฝิ่นกินยาเมทาโดน ซึ่งเป็นสารสกัดที่ใช้แทนฝิ่น กินทดแทนฝิ่นในระยะยาว ช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องใช้เข็มฉีดฝิ่นเข้าเส้นเลือด เพื่อลดการติดและแพร่เชื้อโรคทางเข็มฉีดยา โดยเฉพาะเชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักแสบ เป็นต้น
ด้าน นายแพทย์วรพงษ์ สำราญทิวาวัลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ กล่าวว่า อ.อมก๋อย เป็นพื้นที่ทุรกันดารมากและมีผู้เสพฝิ่นมากที่สุดประมาณ 4,500 – 5,000 ราย ในการบำบัดผู้เสพฝิ่นได้เน้นการบำบัดในชุมชน
ส่งผลให้ผู้เสพฝิ่นเชื่อมั่นและศรัทธาบอกต่อกันปากต่อปาก เข้ารับบริการเพิ่มขึ้น ให้ชุมชนมีส่วนร่วมติดตามผู้ที่ผ่านการบำบัด ผลดำเนินการในปี 2558 ติดตามผู้ผ่านการบำบัดได้ 761 ราย เลิกเสพได้ 62 ราย คิดเป็นร้อยละ 8 ติดตามไม่ได้ 13 ราย
มีผู้ที่กลับไปเสพซ้ำและกลับเข้ารับการรักษาใหม่รวมทั้งผู้ที่เลิกไม่ได้ยังคงรับการรักษาด้วยเมทาโดนต่อเนื่องจำนวน 686 ราย คิดเป็นร้อยละ 90 ซึ่งยังเป็นอัตราที่สูงกว่าพื้นที่ทั่วไปประมาณ 2 เท่าตัว
ทั้งนี้การใช้ยาเมทาโดน นอกจากจะลดอาการอยากยา (Craving) ได้ดีแล้ว ยังมีประสิทธิภาพการบำบัดรักษาในระยะยาว เพื่อทดแทนการเสพติดฝิ่นเรื้อรัง โดยผู้ที่เสพฝิ่นด้วยวิธีสูบและฉีดน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ส่วนใหญ่จะสามารถหยุดเสพได้
ส่วนในกลุ่มของผู้ที่ฉีดมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์และติดสุราร่วมด้วยซึ่งมีประมาณร้อยละ 19 จะต้องใช้เวลารักษานาน ในรายที่หยุดเสพไม่ได้จะส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ ซึ่งในปีนี้ได้เพิ่มการค้นหาผู้เสพในชุมชนเพื่อเข้ารับการบำบัดรักษาและบูรณาการแผนติดตามช่วยเหลือผู้ที่ผ่านการบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตโดยไม่พึ่งยาเสพติด อย่างไรก็ดีการทำงานของเจ้าหน้าที่ยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงผู้ติดฝิ่น เนื่องจากเดินทางยากลำบากมากโดยเฉพาะช่วงฤดูฝน
ขณะเดียวกันจะขยายการรักษาอาการเสี้ยนยาของผู้เสพยาบ้า ยาไอซ์ต่อไป ซึ่งจากนโยบายของรัฐที่จะถอนยาบ้าออกจากยาเสพติดนั้นต้องรอผลการศึกษาต่อไป สถิติพบว่ามีกลุ่มรักร่วมเพศ หรือ กลุ่มเกย์ ใช้ยาไอซ์ ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของยาบ้าเข้ามากระตุ้นอารมณ์เซ็กซ์มากขึ้น ซึ่งในภาษาคนเสพไอซ์จะเรียกกันว่า ไฮ, น้ำแข็ง, บิน ฯลฯ โดยพบว่ากลุ่มนี้เสี่ยงติดเชื่อเอชไอวีมากที่สุด เนื่องจากไม่ใส่ถุงยางอนามัย
สำหรับ เมทาโดน จัดเป็นยาเสพติดประเภท 2 และ3 เทียบเท่ากับมอร์ฟีน เป็นยาเสพติดที่ใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดอย่างรุนแรง ใช้ทดแทนและควบคุมอาการอยากยาอนุพันธ์ของสารเสพติดกลุ่มเดียวกัน