สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 7.4 แมกนิจูดขึ้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 22 พฤศจิกายน ตามเวลาในญี่ปุ่น หรือ 04.00 น. ตามเวลาในไทย โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น ได้เตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิที่คาดว่าอาจจะเกิดคลื่นสูงราว 3 เมตรบริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ รวมไปถึงที่จังหวัดฟุคุชิมา ที่เคยถูกคลื่นสึนามิถล่มเมื่อปี 2544 จนทำให้เกิดวิกฤตนิวเคลียร์รั่วไหลขึ้นมาแล้ว รวมถึงในพื้นที่จังหวัดมิยางิ
หลังคำประกาศเตือนภัยสึนามิถูกเผยแพร่ออกไป ชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่างเร่งอพยพออกจากพื้นที่จนทำให้รถติดขัดเป็นแถวยาว ต่อมาสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเครายงานว่า เบื้องต้นพบคลื่นสึนามิเกิดขึ้นแล้วหลายระลอก คลื่นที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดสูง 90 เซนติเมตรก่อนที่จะมีการปรับลดระดับการเตือนภัยลงในเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่ทางการยังคงขอให้ประชาชนอพยพออกจากพื้นที่ต่อไป โดยที่ฟุคุชิมามีรายงานคลื่นสูงราว 1-2 เมตร พัดใส่ชายฝั่ง และคลื่นสูง 3 เมตรที่โซมะ ขณะที่มีรายงานว่าพบคลื่นสูง 1.4 เมตรทื่ท่าเรือเซนได
ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปใต้ดินราว 30 กิโลเมตร เบื้องต้นสำนักสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐระบุเบื้องต้นว่าแผ่นดินไหวดังกล่าวแรง 7.3 แมกนิจูด ก่อนจะปรับลดความแรงลงเหลือเพียง 6.9 แมกนิจูดในเวลาต่อมา ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขของสำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นที่ระบุว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงถึง 7.4 แมกนิจูด
ด้านนายโยชิฮิดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี แถลงข่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์ว่า ระบบหล่อเย็นของโรงไฟฟ้าฟุคุชิมาที่เตาปฏิกรณ์เตาที่ 3 หยุดทำงาน แต่ไม่มีสัญญานความเสียหายหรือความผิดปกติใดๆ ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุคุชิมา ขณะที่บริษัทโตเกียวอิเลคทริคพาวเวอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุคุชิมาระบุในภายหลังว่า ได้เปิดระบบหล่อเย็นขึ้นใหม่แล้ว และมีรายงานอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
ขณะที่มีรายงานด้วยว่าแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้รับรู้ได้ถึงอาคารหลายแห่งในกรุงโตเกียว จนถึงขณะนี้รายงานความเสียหายหรือผู้ได้รับบาดเจ็บยังไม่ชัดเจน เบื้องต้นมีเพียงรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
