เรียบเรียงโดย โดดเด่นดอทคอม
ภาพ chaoprayanews
กรณีวัดธรรมกายนั้น กลายเป็นหนังยาวที่มีคนพูดถึงนานที่สุด แต่ไม่มีใครสามารถเอาความผิดได้ เพราะเวลาผ่านมาเกือบจะ 20 ปีแล้ว
ล่าสุด ผู้สื่อข่าว เว็บไซต์ โดดเด่นดอทคอม ( www.dodeden.com ) พบว่าได้มีข้อความ พร้อมภาพว่า “ปาราชิกแล้วเด้อ …… ธัมมชโยแห่งธรรมกาย ไม่ถือเป็นพระสงฆ์ เคยถูกดำเนินคดีและถูกให้ปาราชิกไปแล้ว”
ข้อความใน chaoprayanews ระบุว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ในพระโกศ ทรงมีพระลิขิตเมื่อ 26 เมษายน 2542 กล่าวโทษระดับที่หนักหนามาก ด้วยพระองค์เอง กรณีไม่ยอมส่งมอบคืนสมบัติที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัด
ทั้งนี้ อาบัติชั้นปาราชิก ถือว่าเป็นอาบัติชั้นสูงสุด ตามพระวินัย สำหรับสงฆ์ที่กระทำความผิดรุนแรง เช่น เสพเมถุน ฆ่าคนตาย ฯลฯ และจะต้องสึกจากพระในทันที
chaoprayanews ระบุว่า อีกว่า เมื่อ 29 เม..ย. 2542 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระลิขิต เกี่ยวกับปัญหาวัดพระธรรมกาย ปทุมธานี โดยทรงมอบผ่านทาง พระเลขาประจำสำนักงานเลขานุการ สมเด็จพระสังฆราช คือ พระวิปัสสี
ในพระลิขิต ทรงให้กรมการศาสนารับสนอง พระลิขิตมีใจความระบุว่า “ความบิดเบือนพระพุทธธรรมคำสอน โดยกล่าวหาว่าพระไตรปิฎกบกพร่อง เป็นการทำให้สงฆ์ ที่หลงเชื่อคำบิดเบือน แตกแยกออกไปกลายเป็นสอง มีความเข้าใจความเชื่อถือ พระพุทธศาสนาตรงกันข้าม เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ทำสงฆ์ให้แตกแยก เป็นอนันตริยกรรม มีโทษทั้งปัจจุบัน และอนาคตที่หนัก ส่วนที่มิใช่เป็นการลงโทษ แต่เป็นการกระทำที่ถูกต้อง คือ ต้องมอบสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้น ในขณะเป็นพระให้แก่วัดทันที
พระลิขิต ระบุว่า “การไม่ยอมคืนสมบัติให้วัด ในขั้นต้นอาจมิใช่มีเจตนา ถือเอาเป็นของตน แต่เมื่อถึงอย่างไร ก็ยังไม่ยอมมอบคืนสมบัติทั้งหมด ที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัด ก็แสดงชัดแจ้งว่า ต้องอาบัติปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นสมณะ โดยอัตโนมัติ
ต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับ ผู้ไม่ใช่พระปลอมเป็นพระ ด้วยการนำผ้ากาสาวพัสตร์ไปครอง ทำความเศร้าหมองเสื่อมเสีย ให้เกิดแก่สงฆ์ในพระพุทธศาสนา “
ทั้งนี้ ข้อความดังกล่าวมีการแชร์เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2542 และต่อมาได้เกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงนี้ ( กพ.ปี 2558 ) เนื่องจากมีกระแสข่าวเรื่องวัดพระธรรมกายที่มีผู้คนออกต่อต้านจำนวนมาก