กลายเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์ เมื่อมีสมาชิกเว็บไซต์พันทิป ท่านหนึ่งได้ตั้งกระทู้ว่า แฟนหนุ่มใช้ผลิตภัณฑ์ล้างจานมาใช้ล้างหน้า หลังจากที่ใช้ไปทำให้หน้าใสกว่าตน ซึ่งจริงแล้วจุดประสงค์คือต้องการขอความเห็นว่าสามารถใช้ได้จริงหรือไม่ หรือควรจะต้องให้แฟนหนุ่มเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างจานมาล้างหน้าสักที
หลายคอมเม้นท์ก็ได้เปิดเผยว่าตนเองก็ได้เคยใช้และมันล้างออกได้หมดจดจริงๆทำให้กลายเป็นกระแส ที่หลายๆคนคิดจะนำผลิตภัณฑ์ล้างจานมาใช้ล้างหน้ากันขึ้นมา โดดเด่นจึงได้สอบถามไปยัง แพทย์ผู้เชียวชาญ นายแพทย์สถาพร จินารัตน์ แพทย์ประจำเรโนเวียคลินิก ก็ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
การนำผลิตภัณฑ์ล้างจานมาใช้สำหรับใบหน้านั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควร และไม่ถูกต้อง เพราะผลิตภัณฑ์ล้างจาน มีสารเคมีประเภท สารลดแรงตึงผิว (Surfactant) เป็นส่วนประกอบหลัก (สารออกฤทธิ์) สารลดแรงตึงผิวที่ใช้กันมาก จะมีความเป็นอันตรายค่อนข้างต่ำ แต่อาจจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนังได้
และถึงแม้ว่าสารโซเดียม ลอริล ซัลเฟต หรือที่นิยมเรียกในชื่อย่อว่า เอสแอลเอส (Sodium Lauryl Sulfate : SLS) เป็นสารที่มีคุณสมบัติลดแรงตึงผิวของน้ำ ทำให้เกิดฟอง ช่วยให้สิ่งสกปรก คราบไขมันหลุดออกไปได้ง่ายขึ้น จึงเรียกง่ายๆ ว่าเป็นสารทำความสะอาด นิยมใช้ทั้งในวงการอุตสาหกรรมและเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์หลายประเภท เช่น เครื่องสำอาง น้ำยาล้างจาน (โดยใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพแตกต่างกันตามวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้) เครื่องสำอางที่นิยมผสมสารนี้ ได้แก่ เครื่องสำอางที่ใช้แล้วล้างออกด้วยน้ำ เช่น สบู่เหลว แชมพู ตลอดจนยาสีฟัน
และจากการศึกษาวิจัยทั้งในสัตว์ทดลองและในคน พบว่าอันตรายของสารนี้ คือ ระคายเคือง ต่อดวงตา และผิวหนัง โดยความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสารนี้ในผลิตภัณฑ์ และระยะเวลาที่ผลิตภัณฑ์สัมผัสร่างกาย
ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่ชัดเจนสรุปว่าสาร SLS มีความเสี่ยงต่อการก่อให้เกิดมะเร็งในคน ซึ่งข้อมูลความเสี่ยงต่อการก่อให้เกิดมะเร็งจากสารกลุ่มนี้ อาจมาจากสิ่งปนเปื้อนที่เป็นสารก่อมะเร็ง คือ 1,4 Dioxane แต่ปัจจุบันในกระบวนการผลิตสารทำความสะอาด สามารถกำจัดสิ่งปนเปื้อนนี้ได้ด้วยการใช้ระบบสูญญากาศ (ซึ่งไม่เป็นภาระเรื่องค่าใช้จ่ายมากนัก) อีกทั้งได้มีการศึกษาพบว่า โอกาสที่จะพบ 1,4 Dioxane ในเครื่องสำอางสำเร็จรูปมีน้อย จึงไม่ควรกังวลว่าสาร SLS ในเครื่องสำอางจะก่อให้เกิดมะเร็ง
ทั้งนี้เครื่องสำอางที่ผสมสาร SLS อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้บ้าง เช่น แชมพูเข้าตาทำให้แสบตา หรือฟอกสบู่เหลวนานเกินไป อาจระคายเคืองผิว ทำให้ผิวแห้งได้ ขณะนี้ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย รวมทั้งประเทศไทย มิได้ห้ามใช้สารนี้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง แต่หากผู้บริโภคต้องการหลีกเลี่ยงสาร SLS ในเครื่องสำอาง สามารถเลือกใช้เครื่องสำอางที่ฉลากระบุว่า “ Sodium Lauryl Sulfate Free” ได้
นอกจากนี้ นายแพทย์สถาพร ยังได้แนะนำว่าควรใช้ผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์การผลิต เพื่อลดความเสี่ยงอันตรายที่จะเกิดขึ้น สำหรับใบหน้านั้นมีความบอบบางเป็นอย่างมากควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว และผลิตออกมาเพื่อใช้กับใบหน้าโดยเฉพาะ