ที่มา:
Khaosod Online
เมื่อวันที่ 28 มี.ค. เอเอฟพีรายงานความคืบหน้ากรณีเครื่องบินแอร์บัส A320 สายการบินเยอรมันวิงส์ ในเครือบริษัทลุฟท์ฮันซา เที่ยวบิน 4U9525 ถูกนายแอนเดรียส ลูบิตซ์ วัย 27 ปี นักบินผู้ช่วย ควบคุมให้เครื่องดิ่งชนเทือกเขาแอลป์โดยเจตนา มีผู้เสียชีวิตทั้งลำ 150 ราย ว่า อดีตแฟนสาวของนักบินผู้ช่วยคนดังกล่าวเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์บิลด์ ว่า นายลูบิตซ์เคยพูดแปลกๆว่า “ทุกๆ คนจะต้องรู้จักและจำชื่อผมได้”
น.ส.มาเรีย ดับเบิลยู. แฟนเก่าของนายลูบิตซ์ อายุ 26 ปี เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หญิงสาวให้สัมภาษณ์สื่อดังของเยอรมันว่า ตกใจมากตอนที่ทราบข่าวโศกนาฏกรรมนี้ เพราะเคยเดินทางร่วมกับนายลูบิตซ์ถึง 5 เดือน เมื่อปีก่อน และหลังจากทราบข่าว ทำให้จำได้ว่าครั้งหนึ่งนายลูบิตซ์เคยพูดกับตนว่า “สักวันหนึ่งผมจะทำอะไรบางอย่างที่เป็นการเปลี่ยนทั้งระบบ และทุกๆ คนจะต้องรู้จักและจำชื่อผมได้”
จากการคาดเดาของตน ถ้านายลูบิตซ์ตั้งใจขับเครื่องบินชนเขาจริงๆ ตามข้อสันนิษฐาน นั่นเพราะว่ารู้ว่าตัวเองมีปัญหาด้านสุขภาพทางจิต จะทำให้ความฝันที่จะเป็นกัปตันไม่มีทางเป็นจริง
หญิงสาวเล่าด้วยว่า ตอนที่คบกัน 5 เดือนไม่ได้บอกให้ใครรู้ มักแอบนัดไปพบกันที่โรงแรม นักบินชายหนุ่มมีมุมหวานบ้าง เคยส่งดอกไม้ให้ แต่จะออกอาการเครียดทันทีถ้าพูดถึงสภาพการทำงาน เช่น พูดถึงแรงกดดันของงาน เคยแม้กระทั่งเก็บไปฝันร้าย มีคืนหนึ่งสะดุ้งตื่นขึ้นมาและตะโกนว่า “เราจะซวยแล้ว” ส่วนสาเหตุตนเลิกกับนายลูบิตซ์ เพราะเป็นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่านักบินหนุ่มมีปัญหาทางจิตใจ
ในเหตุดังกล่าว ตำรวจตรวจสอบกล่องดำบันทึกเสียงที่เผยถึงนาทีก่อนเครื่องตกว่า นายลูบิตซ์เจตนาล็อกห้องนักบินระหว่างที่กัปตันออกไปเข้าห้องน้ำ เมื่อกัปตันกลับมาและเรียกให้เปิดกลับนิ่งเงียบ และควบคุมเครื่องจนไปตกเขาแอลป์ที่ชายหนุ่มรู้จักเส้นทางดี ภายหลังสื่อมวลชนพบเอกสารระบุว่า นายลูบิตซ์มีปัญหาทางสุขภาพจิต เคยเป็นซึมเศร้าขั้นร้ายแรงเมื่อปี 2552 และซ่อนข้อมูลนี้ไว้
วันเดียวกัน รัฐบาลเยอรมนีแข้งว่า จะจัดรัฐพิธีไว้อาลัยให้เหยื่อในวันที่ 17 เม.ย. โดยในจำนวนเหยื่อที่เคราะห์ร้าย ครึ่งหนึ่งเป็นชาวเยอรมัน อีก 50 รายเป็นชาวสเปน และที่เหลือเป็นชาติอื่นๆ