ที่มา: dodeden

โนเกียเผยนวัตกรรมเครือข่ายใหม่ล่าสุดในงานวันนวัตกรรมโนเกีย 2017 ( Nokia Innovation Day 2017) ในกรุงเทพฯ โดยมีการสาธิตโซลูชั่นต่างๆภายในงาน อาทิ เทคโนโลยี 4.9G AirScale ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเครือข่ายล่าสุดของโนเกียที่ทำให้การส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายมีความเร็วสูงสุดถึง 3 Gbps

ซึ่งความเร็วที่ระดับนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพของเครือข่ายของผู้ประกอบการโทรคมนาคม ให้สามารถรองรับการเติบโตมหานคร ( megacity ) อีกทั้งเตรียมพร้อมสำหรับการเชื่อมต่อที่จะเพิ่มขึ้นมหาศาลในยุค 5G  

นอกจากการสาธิต AirScale 4.9G แล้ว โนเกียยังได้นำเสนอกรณีตัวอย่างการใช้ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงค์ (ไอโอที – IoT); ไม่ว่าจะเป็น ระบบบ้านอัจฉริยะสำหรับผู้สูงอายุ, เสาไฟฟ้าอัจฉริยะ, ระบบติดตามสมาชิกและยานพาหนะของครอบครัว; และการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกภาคส่วนทั้ง ชีวิตประจำวันของบุคคลวิธีการทำงานทางธุรกิจและการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า รวมไปถึงกระบวนการทำงานในภาคส่วนอุตสาหกรรมและบริการสาธารณะ โดย 6 เมกะเทรนด์ที่กำลังผลักดันให้เกิดนวัตกรรมของเครือข่าย

ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบ การวางระบบ การใช้งาน การจัดการ และการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ได้แก่ เครือข่าย คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล: การสื่อสารไร้พรมแดน (broadband everywhere): ระบบคลาวด์แบบกระจาย (distributed cloud) หน่วยจัดเก็บข้อมูลที่เกือบไม่จำกัด และซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดพกพาสำหรับทุกคน กำลังเข้าใกล้เป็นความจริงมากขึ้น

Internet of Things (IoT): การ์ทเนอร์ประเมินว่าจะมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ราว 2 หมื่นล้านรายการในปี พ.ศ. 2563* ซึ่งอุปกรณ์เชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แก็ดเจ็ต เซ็นเซอร์ และสิ่งอื่นๆ จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งบุคคลและธุรกิจ (ดังตัวอย่างที่จะอยู่ในส่วนการสาธิต)

ปัญญาเสริม (Augmented intelligence): เครื่องมือใหม่ๆ ที่สามารถช่วยในการตัดสินใจ และการทำงานเองโดยอัตโนมัติจะช่วยให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น

การปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์และเครื่องจักร: เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม หรือ เออาร์ (AR: Augmented Reality) และการเพิ่มอินเตอร์เฟซใหม่ๆจากเสียงและท่าทาง การติดตั้งชิป และสิ่งต่างๆ ที่มีความอัจฉริยะ (smart) ยิ่งขึ้น เช่น เสื้อผ้า จะเปลี่ยนวิธีที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับเครื่องจักรเช่นเดียวกับหน้าจอสัมผัสในอดีต

เศรษฐศาสตร์ทางสังคมและความไว้วางใจ: เศรษฐกิจแบบแบ่งปันจะยังคงขยายตัวต่อไป ลักษณะของเงินจะเปลี่ยนไปโดยมีสกุลเงินดิจิตอลขึ้นมารับบทบาทที่สำคัญมากขึ้น ส่งผลให้ความไว้วางใจและความปลอดภัยมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

การทำ Digitalization และระบบนิเวศน์: ธุรกิจจะปรับการดำเนินการด้านต่างๆเท่าที่เป็นไปได้ไปสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้น ตัวอย่างเช่นการขยายสู่โลกของผู้บริโภคและชีววิทยา ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ท้าทายอย่างมาก เช่นการพิมพ์แบบสามมิติของอวัยวะเพื่อการปลูกถ่าย

เครือข่ายในปัจจุบันยังไม่สามารถรองรับหรือตอบสนองเมกะเทรนด์เหล่านี้ ซึ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งในรูปแบบและขนาด เพื่อสร้างระบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพ ความคล่องตัว และความปลอดภัยมากขึ้น

ทั้งนี้  เสาไฟฟ้าอัจฉริยะ เป็นการทดลองและพิสูจน์แนวคิดหนึ่งของเมืองอัจฉริยะ เพื่อให้เมืองมีความชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับผู้พักอาศัย เสาไฟฟ้าอัจฉริยะ มีคุณลักษณะหลากหลายตั้งแต่ WiFi HotSpot ป้ายดิจิตอลที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เช่น ข้อมูลการจราจร การแจ้งเตือน การโฆษณา เซ็นเซอร์ประเมินคุณภาพอากาศ และการวิเคราะห์ทิศทางและพฤติกรรมของฝูงชนแบบเรียลไทม์

บ้านอัจฉริยะสำหรับผู้สูงอายุ ด้วยกว่า 16% ของประชากรโลกจะมีอายุมากกว่า 60 ปีภายในปี 2573** ความต้องการในการดูแลและช่วยเหลือในการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุยังคงเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ การสาธิตแสดงให้เห็นว่าผู้ให้บริการโทรคมนาคมสามารถใช้ Nokia Smart Home Gateway ในการให้บริการบ้านอัจฉริยะ และช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับผู้สูงอายุ อาทิ ระบบอัตโนมัติในบ้าน การรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน และการดูแลสุขภาพ นอกจากนี้โนเกียยังมีอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายความเร็วสูงและเชื่อมต่อภายในบ้านได้ ซึ่งถือเป็นโซลูชันแบบครบวงจรที่ใช้เพียงอุปกรณ์เดียวในบ้าน ช่วยในการลด CPE Farms การเดินสายไฟ และการใช้พลังงาน

 

จากแพลตฟอร์ม Nokia IMPACT ที่ใช้ระบบคลาวด์ จะทำให้การติดตามสมาชิกในครอบครัวและยานพาหนะมีความแม่นยำ เชื่อถือได้ และปลอดภัยมากขึ้น คุณสมบัติรวมไปถึง การติดตามโดยใช้เรียลไทม์ GPS การใช้ไมโครโฟนและลำโพงเพื่อโทรออก ปุ่มเตือนภัยซึ่งจะส่งสัญญาณ SOS พร้อมตำแหน่งที่อยู่ทางภูมิศาสตร์ และ การแจ้งเตือนการออกนอกเขต (geo-fencing)

โนเกีย End-point Security Ransomware ล่าสุดที่กระทบคอมพิวเตอร์จำนวนมากทั้งในโรงพยาบาล มหาวิทยาลัย และบริษัท โทรคมนาคมทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบันมีความเปราะบางมาก

โนเกียนำเสนอ NetGuard Endpoint Security (NES) ที่ให้การปกป้องอุปกรณ์ โทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์ IoT โดยใช้โซลูชันป้องกันมัลแวร์บนเครือข่าย และด้วย NES ผู้ให้บริการเครือข่ายจะสามารถตรวจจับมัลแวร์ ลดผลกระทบต่อการใช้งานของผู้ใช้บริการและสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการโดยการให้บริการการปกป้องที่เหนือกว่า

โนเกียสร้างยอดขายสุทธิ 23.6 พันล้านยูโรในปีพ. ศ. 2559 (หลังการเข้าซื้อกิจการ Alcatel Lucent) เมื่อเทียบกับ 12.5 พันล้านยูโรในปี 2558 ส่วนในไตรมาสที่ 1 ในปีพ. ศ. 2560 โนเกียสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งไว้ได้ และยังเป็นไตรมาสที่ธุรกิจเครือข่ายมีผลประกอบการที่ดีที่สุด

ในไตรมาสแรกของปี พ.ศ.2560 โนเกียได้ลงนามในสัญญาที่ใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกากับกลุ่ม ALTAN Redes เพื่อสร้างเครือข่ายบรอดแบนด์เคลื่อนที่ (mobile broadband) ขนาดใหญ่ในเม็กซิโก ผลงานสำคัญอื่นๆ ในไตรมาสแรกของปีพ. ศ. 2560 ได้แก่ การเปิดตัว 5G FIRST ที่ Mobile World Congress และการเปิดตัว โนเกีย MIKA ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือแบบดิจิทัลระบบแรกสำหรับอุตสาหากรรมโทรคมนาคม และ IoT network gridในรูปแบบ Managed Service รวมทั้งการซื้อบริษัท Comptel ผู้เชี่ยวชาญในการประสานข้อมูล การประมวลผลข้อมูล แอพพลิเคชั่นที่ใช้ในการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าและการสร้างรายได้จากบริการ จากรายงาน Mobility Report ของ Dell’Oro สำหรับไตรมาสที่ 1 ปีพ. ศ. 2560 โนเกียได้รับการจัดอันดับเป็นที่หนึ่งใน LTE

 

เรื่องน่าสนใจ