“แหวนแหวน” ผุดเรียลิตีพาไปศัลยกรรมที่เกาหลี ยันไม่ได้สนับสนุนให้คนเสพติดศัลยกรรม

vvvv

แหวนแหวนผุดเรียลิตีพาไปศัลยกรรมที่เกาหลี ปลื้มคนแห่สมัครเพียบ เผยคัดจากร้อยคนเอาแค่คนเดียว บอกตั้งงบไว้หลักแสน ยันไม่ได้สนับสนุนให้คนเสพติดศัลยกรรม แต่อยากเปลี่ยนชีวิตคนที่มีปมด้อย สุดปลื้มกระแสตอบรับดี อนาคตอาจมีโปรเจกต์ 2

เคยทำทัวร์ศัลยกรรมไปเกาหลีจนโด่งดัง ล่าสุดแหวนแหวน ปวริศา เพ็ญชาติ ก็ผุดเรียลิตีพาไปศัลยกรรมที่เกาหลี ออกอากาศผ่านทางรายการ “ว้าว! แหวนแหวน” ทางช่อง 9 งานนี้แหวนแหวนบอกว่าอยากช่วยเปลี่ยนชีวิตคนที่มีปมด้อย ไม่ได้สนับสนุนให้คนเสพติดศัลยกรรม

“โปรเจกต์นี้แหวนทำคนเดียว ส่วนทางเกาหลีแหวนก็ไปโคกับคลินิกที่รู้จักกัน จริงๆ เป็นโปรเจกต์ที่คิดอยากทำมานานแล้ว อีกอย่างแหวนก็ขึ้นชื่อเรื่องทำทัวร์ศัลยกรรมเป็นเจ้าแม่บิวตี้เกาหลี ทุกครั้งที่แหวนไป ห้างหรือไปเดินที่ไหนก็แล้วแต่ก็จะมีคนเข้ามาถามบ่อยๆ แหวนก็บอกไปว่า ไม่ได้ทำทัวร์แล้วนะคะ เพราะว่าเราไม่มีเวลาดูเอง แต่ก็มีแนะนำว่าให้ไปที่ไหน แต่ก็จะมีคนเข้ามาถามเรื่อยๆ สงสัยเห็นว่าแหวนเป็นหมอหรืออะไรสักอย่าง”

“ก็คิดว่ามีคนให้ความสนใจและเชื่อใจแหวนในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นจุดเด่นของแหวน บวกกับว่าตอนนี้เราทำรายการทีวี แล้วก็อยากทำเป็นเรียลิตี ซึ่งเป็นแผนการที่อยากทำมานานแล้ว แต่ลึกๆ แหวนอยากให้โอกาสผู้หญิงที่มีปมด้อยในตัวเอง หรือว่ามีปัญหาที่เกิดจากรูปลักษณ์ที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิต เหมือนให้โอกาสเขาได้เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น ที่ไม่ได้เปลี่ยนแค่หน้าตา แต่จะรวมถึงบุคลิกภาพหรืออะไรหลายๆ อย่างมากกว่า ไม่ใช่ว่ามาขายสนับสนุนให้คนทำศัลยกรรม”

“นอกจากจะทำศัลยกรรมแล้ว ก็จะรวมถึงลดความอ้วนด้วยนะคะ แต่ว่าจะแยกเป็นคนละส่วน อย่างรูปร่างเร็วหน่อยก็คือดูดไขมัน แต่ก็ต้องออกกำลังกายด้วย เพราะจริงๆ แล้วถ้ารูปร่างยังไม่คงที่ก็คงทำศัลยกรรมไม่ได้ คือไม่รู้ว่ามาตรฐานที่ไทยดีหรือเปล่า แต่มาตรฐานของโลกหรือว่าที่เกาหลีต้องให้ร่างกายคงที่ เพราะว่าเกิดใส่อะไรเข้าไป เกิดหน้าเท่านี้ ตัวขนาดนี้ มันก็ไม่บาลานซ์กัน เราก็ต้องทำทุกอย่างให้คงที่ก่อน”

“จริงๆ แหวนแยกเป็น 2 ส่วน อย่างคนอ้วนที่หน้าตาค่อนข้างโอเคปรับเปลี่ยนอะไรนิดนึงมีเหตุผลที่ดีในการส มัคร จริงๆ เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องของจิตใจและทัศนคติ คือบางคนหน้าเหวอะมา แต่ใจสู้มันก็โอเค แต่บางคนที่หน้าตาไม่ได้แย่ แบบว่าหนูอยากเพิ่มไอ้นั่นอีกหน่อยเพิ่มไอ้นี่อีกหน่อย คือเป็นคนที่พื้นฐานดีอยู่แล้ว แต่ยังไม่พอ มันก็จะมีความเสี่ยงต่อการเสพติดศัลยกรรมไปเรื่อยๆ ก็ต้องเลือกดูเป็นเคสไป”

“ถามว่าทำไมถึงต้องไปทำที่เกาหลี จริงๆ เมืองไทยก็เก่งนะคะ ตั้งแต่คอลงมาเมืองไทยดีที่สุดอยู่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่าวงการแพทย์ศัลยกรรมที่โน่นเขาเปิดกว้าง ผู้ชายก็ทำ ผู้หญิงก็ทำ ถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก ในขณะที่ไทยอาจยังปิดนิดนึง คำว่าศัลยกรรมกับเสพติดมันจะมาคู่กัน เพราะฉะนั้นมันยังเหมือนเด็กกดดัน ต้องแอบพ่อแม่ไปทำ แล้วผลที่ได้มาก็คือหน้าอาจมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ก็แอบไปหาหมอเถื่อน คือมาตรฐานยังสู้ที่โน่นไม่ได้ แถมที่โน่นรัฐบาลยังให้ทุนสนับสนุน เพราะว่าเขามองว่าเป็นเศรษฐกิจให้ประเทศ แต่ว่าของไทยก็มีการพัฒนาขึ้นกว่าเมื่อก่อน”

บอกรอบคัดเลือกจาก 100 คน ให้เหลือ 5 คน นั้นเครียดมากเพราะผู้สมัครบางคนพูดถึงปมด้อยตัวเองแล้วร้องไห้
“วันคัดเลือกก็เครียดมาก เพราะเราได้พูดคุยปัญหาต่างๆ ก็เห็นอะไรจากตัวเขาเยอะ นอกจากอ่านโปรไฟล์ทางจดหมายหรืออีเมลที่เขาส่งมา ก็จะคัด 100 คนให้เหลือ 5 คน แล้ว 1 ใน 5 คนก็จะได้ไปเกาหลี ก่อนไปเราก็จะพาไปเรียนแต่งหน้าก่อน ไม่อยากให้คนดูมองว่าเข้าห้องผ่าตัดแล้วออกมาสวย อยากให้มองว่าก่อนจะทำอะไรก็แล้ว แต่ต้องช่วยตัวเองก่อน”

“อย่างการแต่งหน้ารูปหน้าแบบนี้ ต้องแต่งหน้าแบบไหน อยากให้ลองทำดูก่อน แต่ถ้าเราลองแล้ว แต่งตัวใหม่แล้ว ก็ไม่สวยเปลี่ยนแปลงการดูแลตัวเองแล้ว แต่ยังเหลือจุดบกพร่องก็ค่อยโอเคยอมไปทำศัลยกรรม หลังจากนั้นก็จะมีกิจกรรมฟอลโลวดูว่าชีวิตเขาเป็นยังไงอยากให้เป็นกำลังใจ กับผู้หญิงทุกๆ คนด้วย เพราะวันนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้ามาพูดถึงปมด้อยของตัวเอง อย่างบางคนวันนี้ที่มาพูดเสร็จแล้วจะต้องน้ำตาไหล ทำให้รู้ว่าบางทีมันก็ต้องขึ้นอยู่กับจิตใจของเรา อย่างบางคนหน้าตาไม่สวยเลย แต่แวดล้อมเขาดีไงก็โอเคไปแต่บางคนหน้าตาไม่ได้ดูแย่มาก แต่ว่าโดนคนรอบข้างแซวคือทุกคนมีปมในใจหมด”

รับตัดสินยากเพราะบางคนเป็นมาตั้งแต่เกิด บางคนประสบอุบัติเหตุ
“ยากค่ะ เห็นบางคนร้องไห้มาแล้วก็สงสารเศร้าจิต ซึ่งก็ได้ปรึกษากับคุณหมอเหมือนกันว่าอย่างบางคนที่เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้จะ ทำยังไงได้บ้าง ซึ่งก็จะมีสมาคมแพทย์ที่ช่วยเหลืออยู่ สมมติว่าวันนี้เขาไม่ได้เข้ารอบจริงๆ ก็จะพยายามหาทางหยิบยื่น ก็จะไม่ปล่อยไปเลย คือก็ยากเหมือนกันเพราะจริงๆ ที่เราต้องการคือผู้หญิงที่มีจุดบกพร่อง อยากจะปรับให้ดีขึ้น ซึ่งบางคนที่มาก็ไม่ตอบโจทย์เราจริงๆ แต่เราก็เห็นใจคือน้องเขาสู้นะ เราก็อยากให้โอกาสเขา อย่างบางคนหน้าตาโอเค แต่บุคลิกภาพยังไม่ค่อยดี เราก็อยากจะแนะนำไป คือตอนนี้ในใจแหวนก็เลยแตกมาเป็น 2 แขนง คือตอบโจทย์รายการตรงเป๊ะกับอีกแนวคือช่วยเหลือกันไป”

เผยตั้งงบหลักแสน แต่ระบุไม่ได้ว่าคนที่เลือกมานั้นต้องแก้ไขหน้าตามากน้อยขนาดไหน คาดไม่เกินล้าน
“ถามว่า 1 คน ให้งบทำสวยเท่าไหร่ คือตอนนี้ยังระบุไม่ได้ว่าคนที่เราเลือกมาต้องแก้ไขขนาดไหน ก็แล้วแต่ว่ามีบกพร่องกี่จุด ก็ต้องดูทุกอย่าง ตา จมูก คาง ต้องดูที่มีปัญหาจริงๆ จะแก้ตรงเฉพาะที่จำเป็น แต่ส่วนไหนที่โอเคเราก็จะไม่แก้”

“น่าจะอยู่ประมาณหลักแสน คิดว่าไม่น่าถึงล้าน คือเราต้องเห็น 5 คนก่อน ว่าหน้าตาจะเป็นยังไง พอได้แล้วเราก็ต้องรีบส่งโปรไฟล์ไปให้หมอที่โน่นดู เพราะบางคนเคสไม่เหมือนกัน ถ้าต้องเหลากรามก็จะอีกราคานึงเลย แต่ถ้าต้องเปลี่ยนเยอะแล้วสามารถเปลี่ยนชีวิตคนๆ นึงได้ เราก็ยอม หวังว่าคงไม่ถึงล้านนะ (หัวเราะ) แต่ก็โชคดีที่เรามีสปอนเซอร์ช่วยเยอะ อย่างงบเดินทางเรามีสปอนเซอร์ อย่างสายการบิน แต่ก้อนใหญ่คืองบศัลยกรรม”

ปลื้มกระแสตอบรับดี อนาคตอาจมีโปรเจกต์ 2
“ส่วนโปรเจกต์ 2 ก็ดูอยู่เพราะการตอบรับจากโปรเจกต์แรกคล้ายๆ โปรเจกต์ทดลอง แต่ค่อนข้างได้รับการตอบรับมหาศาลมาก เพราะจริงๆ เราเปิดรับสมัครแค่ 5 วัน คือเราเอาแค่ 5 คนไปเก็บตัว และ 1 คนที่ได้ไปแปลงโฉม เพราะแต่ละคนก็มีปมอยู่แล้ว พอเห็นโปรเจกต์นี้ในอินสตราแกรม ในสื่อต่างๆ ก็คงตกใจว่ามีกิจกรรมแบบนี้ด้วยเหรอ คือจริงๆ แล้วรายการเราเป็นรายการไทยรายการแรกที่ทำรายการเมคโอเวอร์ในฟรีทีวี รู้สึกว่าก่อนหน้านี้จะมีแค่ในเคเบิล คืออันนี้เป็นเรียลลิตี้เมคโอเวอร์รายการแรกของเมืองไทย ที่คนไทยทำแล้วออนแอร์ในฟรีทีวี คือก็ตกใจ คนให้ความสนใจเกินคาด แบบว่าบางคนที่ไม่ได้บ้านอยู่ต่างจังหวัดก็เสี่ยงดวงนั่งรถมารอ”

 

ที่มา www.manager.co.th

ภาพจาก IG @whanpavarisa

เรื่องน่าสนใจ