ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

กทม. จัดบิ๊กคลีนนิ่ง ถนนบริพัตร ตั้งแต่ 2 พ.ย. เป็นต้นไป ไม่อนุญาตให้ทำการค้า ชี้หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

EyWwB5WU57MYnKOuXogSWYhCi3pfkJPVvolPs5KYmaUsYh9fhHcYR8

วันที่ 2 พ.ย. 58 ดร.วัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษา ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองปลัดกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานล้างทำความสะอาดทางเท้าและผิวการจราจร บริเวณถนนบริพัตร หลังดำเนินการรื้อสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำคลองโอ่งอ่าง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด สวยงาม คืนทางเท้าให้แก่ประชาชน ณ บริเวณเต็นท์กองอำนวยการ สะพานดำรงสถิตย์ เขตสัมพันธวงศ์

ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร ได้เริ่มดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำคลองโอ่งอ่าง ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44 ซึ่งให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ขจัดความไม่เรียบร้อย ในสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางทางสัญจรสาธารณะ ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. 58 เป็นต้นมา โดยผู้ค้าส่วนใหญ่ให้ความร่วมมืออย่างดี แต่มีบางส่วนได้ขอผ่อนปรนในการเคลื่อนย้ายสินค้า และขอจำหน่ายสินค้าชั่วคราว เพื่อเป็นการระบายสินค้าในสต็อกให้หมดไป และบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าเป็นการชั่วคราว

ซึ่งที่ผ่านมา กทม. ได้อนุโลมให้ผู้ค้าทำการระบายสินค้าเป็นระยะเวลาอันสมควรแล้ว กทม.จึงมีประกาศขอความร่วมมือผู้ค้างดจำหน่ายสินค้า และตั้งวางสินค้าบนถนนบริพัตรโดยเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. 58 เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป เพื่อทำความสะอาดถนนบริพัตร และทางเท้าทั้ง 2 ฝั่ง หากพบว่ามีการฝ่าฝืนจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาด ต่อไป

ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อไปว่า สำหรับความคืบหน้าการดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำคลองโอ่งอ่าง ตั้งแต่สะพานดำรงสถิตย์ ถึงสะพานภานุพันธุ์ ขณะนี้ได้รื้อถอนไปแล้ว 258 คูหา จากจำนวน 500 คูหา เหลืออีกประมาณ 242 คูหา คาดว่า จะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน วันที่ 15 พ.ย. 58 ส่วนการดำเนินการตัดกระแสไฟฟ้าคูหาและร้านค้า ที่รุกล้ำคลองโอ่งอ่าง กทม. ได้ประสานการไฟฟ้านครหลวง ทำการตัดกระแสไฟฟ้าบริเวณดังกล่าว ตั้งแต่เมื่อเช้านี้ (2 พ.ย. 58) เวลา 06.00 น. ซึ่งส่วนใหญ่เรียบร้อยดี แต่มีบางคูหาที่ลักลอบต่อกระแสไฟฟ้าจากบ้านเรือนข้างเคียง ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย หากเกิดเหตุอันตรายแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานหรือประชาชน จะต้องโทษทั้งทางแพ่งและอาญา จึงขอความร่วมมือผู้ค้าที่กระทำการดังกล่าว ให้งดและยกเลิกการลักลอบต่อกระแสไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย

เรื่องน่าสนใจ