สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานว่า นางเบญทราย กียปัจจ์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) และรองโฆษก กทม. เปิดเผยว่า กทม.ได้เตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยมีการเตรียมความพร้อมช่วงที่พายุเข้าอย่างเต็มที่
มีการควบคุมระดับน้ำในคลองสายหลักให้อยู่ในแผนงานที่กำหนด ตรวจเครื่องสูบน้ำ เครื่องจักรกลตามสถานีสูบน้ำและบ่อสูบน้ำพร้อมใช้งานได้ตามปกติ อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำด้วยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำตามจุดอ่อนน้ำท่วม และจัดเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนประสานงานหน่วยงานต่างๆ ผ่านศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร และติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติมตามจุดอ่อนน้ำท่วม
สำหรับคาดการณ์สภาพอากาศในช่วงเดือน ต.ค.นั้นจะยังมีฝนประมาณ 13-16 วัน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงฤดูฝน ส่วนในเดือน พ.ย.58 เริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาวส่งผลให้ฝนลดลง อุณหภูมิลดง อากาศเริ่มเย็นขึ้น ส่วนสถานการณ์น้ำในเขื่อนของประเทศ ยังอยู่ในปริมาณต่ำทุกเขื่อน ไม่ว่าจะเป็น เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิต์ เขื่อนแควน้อย และเขื่อนปาสักชลสิทธิ์ ถือว่าปริมาณน้ำน้อยต่ำกว่าปีที่แล้วค่อนข้างมาก การปล่อยน้ำจากเขื่อนต่างๆ ผ่านบางไทร นครสวรรค์ ค่อนข้างน้อยเนื่องจากกรมชลประทานได้เริ่มกักเก็บน้ำไม่ค่อยปล่อยออกมา
ขณะนี้พายุมูจีแกได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่ประเทศจีนแล้ว คาดว่าจะอ่อนตัวลงเป็นดีเพรสชั่นในวันนี้ อาจมีฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯ บ้างแต่ไม่มากเหมือนที่ผ่านมา แต่จะส่งผลกระทบกับภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ พร้อมกันนี้ได้มีการติดตามและเฝ้าระวังพายุชอยวันกำลังก่อตัวในแปซิฟิก ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่า กทม.ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างใกล้ชิด ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกกับประชาชนในจุดต่างๆ ที่เกิดน้ำท่วมขังรอการระบาย ซึ่งปัจจุบันการระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ทำได้ดีขึ้นเมื่อพิจารณาจาก 4 ประการ ได้แก่