ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานว่า วันนี้ ( 19 พฤษภาคม 2560 ) นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงโรคความดันโลหิตสูงว่า นับเป็นหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขสำคัญที่กำลังคุกคามสุขภาพของคนไทยและคนทั่วโลก และเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต ก่อนวัยอันควร โรคนี้มักมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์และพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม
โดยเฉพาะการบริโภคอาหาร รสหวาน มัน เค็ม ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ไม่รับประทานผักและผลไม้ ขาดการออกกำลังกาย ความอ้วนและ อายุที่เพิ่มขึ้น ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงและมีอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจวัดความดันโลหิตเป็นระยะ เพื่อทราบว่าตนเอง เสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือไม่
แต่ในปัจจุบันประชาชนสามารถตรวจวัดความดันโลหิตด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ได้ที่บ้านด้วยเครื่องวัดความดันโลหิต ซึ่งเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรค และใช้อย่างแพร่หลาย 2 ชนิด คือ เครื่องวัดความดันโลหิตแบบปรอทที่ใช้หูฟัง และแบบอัตโนมัติ สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ทดสอบคุณภาพเครื่องวัดความดันโลหิตทั้ง 2 ชนิดที่ใช้งานในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และใช้งาน โดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 586 เครื่อง พบว่า มีเครื่องที่ตกมาตรฐานทั้งสิ้น 112 เครื่อง คิดเป็นประมาณร้อยละ 19 โดยส่วนใหญ่เป็นเครื่องที่ตกมาตรฐานด้านอัตราการรั่วของความดันในระบบ ซึ่งมีสาเหตุ มาจากอุปกรณ์ประกอบชำรุด เช่น คัฟ สาย ลูกยาง เป็นต้น
นายแพทย์สุขุม กล่าวเพิ่มเติมว่า ดังนั้นแม้ว่าเครื่องวัดความดันโลหิตเหล่านี้จะใช้อย่างแพร่หลาย แต่ยังพบว่า มีเครื่องที่ไม่ผ่านมาตรฐาน ทำให้มีผลกระทบในการวินิจฉัยโรค ผู้ใช้จึงคำนึงถึงข้อควรระมัดระวังในการดูแล รักษาเครื่อง
โดยหลีกเลี่ยงการเก็บเครื่องในที่มีความชื้นสูง ฝุ่นละออง ถูกแสงแดดโดยตรงและของมีคม อย่าวางวัตถุที่มีน้ำหนักมากทับลงบนเครื่องและไม่ปั๊มลมเข้า หากไม่ได้สวมปลอกเข้ากับตัวผู้ป่วย ไม่ดึง ยึดหรือบิดปลอกพัน ไม่แกะ ถอด แยกส่วนประกอบซ่อมหรือปรับแต่งเครื่องเอง
และสำหรับเครื่องวัดความดันโลหิตแบบอัตโนมัติ ควรถอดแบตเตอรี่ออกเมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน นอกจากนี้ในการวัดความดันที่ถูกต้อง ผู้ตรวจควรพักผ่อนให้เพียงพอ งดสูบบุหรี่ งดดื่มกาแฟ และก่อนวัดควรนั่งพักให้หายเหนื่อยอย่างน้อย 5-10 นาที งดวัดความดันหลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ และควรปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนวัด เพื่อให้ได้ค่าความดันที่ไม่คลาดเคลื่อน
ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าที่อ่านได้ไม่ถูกต้อง ดังนั้นผู้ใช้เครื่องวัดความดันโลหิตควรหมั่นใส่ใจดูแลรักษาเครื่องวัดความดันอย่างต่อเนื่อง และสอบเทียบเครื่องมือเป็นระยะ เพื่อให้ได้มาตรฐาน หากมีข้อสงสัยหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ กลุ่มเครื่องมือแพทย์ สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 0-2951-0000 ต่อ 99956