กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จ่อสอบคลินิกเสริมความงามย่านพหลโยธินและปทุมวัน หลังถูกร้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเอเจนซี่ในการโฆษณาชักชวนให้หญิงสาวหลายรายมารับบริการศัลยกรรมหน้าอกจนเกิดผลกระทบ ทั้งแผลติดเชื้อ หน้าอกเน่า หากพบดำเนินการผิดมาตรฐานหรือโฆษณาโอ้อวดเกินจริงลงดาบทันที จากกรณีที่ เครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นำกลุ่มผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากการศัลยกรรมหน้าอกกับคลินิกเข้าร้องทุกข์กับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่ผ่านมานั้น
เย็นวันนี้ (12 ธันวาคม 2561) นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมเอเจนซี่ ที่โฆษณาชักชวนให้หญิงสาวมารับบริการศัลยกรรมหน้าอกกับคลินิก 3 แห่ง ในย่านรังสิต พหลโยธิน และปทุมวันได้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในส่วนของกรม สบส.ตนได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ลงตรวจสอบคลินิก 2 แห่ง ในย่านพหลโยธิน และปทุมวัน ซึ่งถูกกล่าวอ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเอเจนซี่ โดยตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารทางการแพทย์ และเวชระเบียน ว่าทางคลินิกได้มีการควบคุม คุณภาพ มาตรฐาน บริการทางการแพทย์ให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพและประเภทสถานพยาบาลหรือไม่ ทั้งด้านสถานที่ ผู้ให้บริการ ยาและเวชภัณฑ์ รวมทั้งตรวจสอบเนื้อหาโฆษณา และความเชื่อมโยงของคลินิกกับเอเจนซี่ว่าได้ปล่อยให้เอเจนซี่ทำการโฆษณาแทนหรือไม่ หากพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ตรวจสอบพบการกระทำผิดมาตรฐาน จะทำการลงโทษโดยทันที และจะมีคำสั่งให้คลินิกปรับปรุงมาตรฐานให้ถูกต้องตามกฎหมายสถานพยาบาลในระยะเวลาที่กำหนด ถ้าพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้วพบว่าไม่มีการปรับปรุงจะดำเนินการลงโทษในขั้นต่อไป คือ พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต
ทั้งนี้ ขอเตือนหนุ่ม-สาวทุกคนอย่ายึดภาพโฆษณาที่สวยงาม คำบอกเล่าปากต่อปากว่าดี หรือราคาที่ถูกกว่าแห่งอื่น เป็นหลักในการตัดสินใจรับบริการเสริมความงาม ยิ่งเป็นการโฆษณาผ่านสื่อโซเชียลจะต้องระวังเป็นพิเศษเพราะอาจมีการเสริมเติมแต่งภาพให้ดูสวยงามเกินจริง ดังนั้น ก่อนรับบริการเสริมความงามทุกครั้ง จะต้องตรวจสอบทั้งสถานพยาบาลและแพทย์ด้วยตนเองเท่านั้น
ด้าน ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการกับเอเจนซี่ หากพบว่าเอเจนซี่กระทำการโฆษณาสถานพยาบาลในลักษณะเป็นเท็จ หรือโอ้อวดเกินจริง จนสร้างความเสียหายหรือส่งผลกระทบกับผู้รับบริการนั้น แต่เดิมกฎหมายสถานพยาบาลมิได้กำหนดบทลงโทษกับประชาชนทั่วไปแต่อย่างใด แต่ ณ ปัจจุบันตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 พ.ศ. 2559 ได้กำหนดมิให้ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศ สถานพยาบาล อันเป็นเท็จหรือโอ้อวดเกินความจริง ถ้าพบว่าเอเจนซี่มีการโฆษณาที่ผิดกฎหมาย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับเพิ่มอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท เช่นเดียวกับผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล จนกว่าจะระงับการโฆษณานั้น