กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) บุกจับหมอเถื่อนในคลินิกเสริมความงาม ย่านรามอินทรา พบจบการศึกษาระดับ ปวช. แต่แอบอ้างเป็นแพทย์มาให้บริการเสริมความงาม จึงสั่งฟันความผิดทันที 5 กระทง พร้อมออกคำสั่งเรียกผู้ประกอบกิจการ และแพทย์ผู้ดำเนินการสอบเพิ่มเติมว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่

 

กรม สบส

 

นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ด้วยกรม สบส.ได้รับเบาะแสจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. ว่ามีหมอเถื่อนรายหนึ่ง แอบอ้างว่าตนเป็นแพทย์ไปสมัครงานและลักลอบให้บริการเสริมความงามแก่ประชาชนในคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง ย่านรามอินทรา จึงสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย ประสานงานกับตำรวจ บก.ปคบ. และพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยในช่วงบ่ายวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรม สบส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำหมายศาลเข้าตรวจสอบคลินิก ย่านรามอินทรา ซึ่งมีที่ตั้งเป็นอาคาร 1 ชั้น โดยคลินิกดังกล่าวมีการขึ้นทะเบียนและขออนุญาตประกอบกิจารสถานพยาบาลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับเปิดให้บริการฉีดสารเสริมความงามนอกเวลาที่ขออนุญาต และเมื่อขยายผลตรวจสอบถึงตัวแพทย์ผู้ให้บริการ ซึ่งเป็นหญิง อายุ 36 ปี กลับพบว่าจบการศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม อีกทั้ง หมอเถื่อนรายนี้มิได้ประจำที่คลินิกแต่เดินทางมาจากต่างจังหวัดมาให้บริการฉีดสารเสริมความงามโดยเฉพาะ พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำผิด ในเบื้องต้น 5 กระทง ประกอบด้วย 1.ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 2.ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 3.ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตมีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 4.จำหน่ายยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยามีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 และ 5.จำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ก่อนนำตัวผู้กระทำผิดส่งตัวพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการ โดยในกรณี หมอเถื่อนรายนี้ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อประชาชน กรม สบส.จะออกคำสั่งปิดสถานพยาบาลชั่วคราว เป็นระยะเวลา 30 วัน พร้อมเรียกผู้ประกอบกิจการ และแพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล มาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมกับกรม สบส. ต่อไป

 

 

ด้านนพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า กรณี ที่กรม สบส.ตรวจสอบพบว่าสถานพยาบาลใดปล่อยให้หมอเถื่อนมาลักลอบให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชน นอกจาก หมอเถื่อนรายดังกล่าวจะมีโทษตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 แล้ว ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลก็จะต้องถูกดำเนินคดีในความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้อนุญาต (กรม สบส. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด) อาจจะมีคำสั่งทางปกครองให้ปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราว หรืออาจถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอีกด้วย จึงขอกำชับให้ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลทุกแห่ง ระมัดระวัง และรอบคอบในการเปิดรับบุคลากร และตรวจสอบเอกสารหลักฐานให้ชัดเจนก่อนรับบุคคลดังกล่าวเข้ามาปฏิบัติงานในสถานพยาบาล เพราะหากตรวจพบหมอเถื่อนในสถานพยาบาลใด ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลก็มิอาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ และจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเฉกเช่นหมอเถื่อน

 

 

สนใจหาข้อมูลและปรึกษาศัลยกรรมได้ที่นี่

โดดเด่น
ศัลยกรรม
webdodeden

 

เรื่องน่าสนใจ