ภาพในพิธี วันคล้ายวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข 27 พ.ย.2559
วันนี้ ( 28 พฤศจิกายน 2559 ) ที่โรงแรมมารวย การ์เด้น ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนจากเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยมหิดล
นายกสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (แห่งประเทศไทย) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ความร่วมมือทางวิชาการ การศึกษาวิจัยเพื่อออกแบบ และพัฒนาระบบโลจิสติกส์โครงสร้างพื้นฐาน ระบบบูรณาการข้อมูลสารสนเทศ และแนวทางการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ ( Big Data ) ด้านสาธารณสุข รองรับเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทย
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานและระบบโครงสร้างมาตรฐานข้อมูล สารสนเทศสำหรับข้อมูลขนาดใหญ่ ด้านสาธารณสุข สำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยที่ยังขาดการเชื่อมโยงข้อมูลและแลกเปลี่ยนระหว่างสมาชิก
จึงมีแนวคิดจัดทำ โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการ โดยใช้ระบบคลังยาและเวชภัณฑ์ทั้งโซ่อุปทานหรือเครือข่ายโลจิสติกส์ มาประยุกต์ใช้ในงานวิจัย ซึ่งเป็นการใช้ระบบของหน่วยงาน คน เทคโนโลยี กิจกรรม ข้อมูลข่าวสาร และทรัพยากร มาประยุกต์เข้าด้วยกัน เพื่อการเคลื่อนย้ายสินค้าหรือบริการ จากผู้จัดหาไปยังลูกค้า
โดยตั้งเป้าศึกษาวิจัยและพัฒนา 6 ระบบ คือ 1.ระบบฐานข้อมูลยาและเวชภัณฑ์ 2.ระบบบริหารจัดการคลังยาและเวชภัณฑ์ เพื่อประยุกต์ใช้ในสถานบริการสุขภาพต่างๆ ของประเทศ 3.ระบบศูนย์ข้อมูลยาและเวชภัณฑ์ 4.ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ 5.ระบบติดตามและสอบย้อนกลับ 6.ระบบพัฒนากระบวนการโลจิสติกส์และประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เพื่อการจัดการโลจิสติกส์ในโรงพยาบาล
ด้านศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์อุดม คชินทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาศูนย์ความเป็นเลิศฯ ได้สะสมองค์ความรู้ทางด้านการจัดการโซ่อุปทานสุขภาพ ทำให้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และมหาวิทยาลัยมหิดล มองเห็นถึงความสำคัญจึงได้สนับสนุนงบประมาณเป็นระยะเวลา 3 ปี
เพื่อเป็น คลังสมอง (Think Tank) ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสุขภาพของประเทศ และใน ปี 2559 สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้นำผลวิจัยไปใช้ประโยชน์ จึงได้ให้การสนับสนุนงบประมาณต่อเนื่อง
ซึ่งแผนงานวิจัยนี้ จะตอบสนองต่อนโยบาย/เป้าหมายรัฐบาล ด้านระบบโลจิสติกส์ประจำปี 2559 ดังนั้นการดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่ออกแบบดังกล่าวนี้ เพื่อพัฒนาโปรแกรมระบบริหารจัดการคลังยาและเวชภัณฑ์ยาและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ภายในโรงพยาบาล ยังมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพ ( Medical HUB ) ที่ประเทศไทยพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นได้อีกด้วย