กรุงโรม อาจจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ด้วยศิลปวัฒนธรรมเก่าแก่ที่ตกทอดมาจากโบราณกาล แต่นั่นก็เป็นธุรกิจการท่องเที่ยวที่กระจุกตัวอยู่เพียงแค่ในบางส่วนของเมืองใหญ่เท่านั้นและพื้นที่ชานเมืองส่วนมากก็เป็นพื้นที่ที่อยู่ของชนชั้นแรงงานที่เสื่อมโทรมแตกต่างจากใจกลางมหานครอันรุ่งเรืองลิบลับ
นี่น่าจะเป็นความจริงที่หลายๆ คนเล็งเห็น ดังนั้นในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา เราจึงได้เห็นโปรเจ็กต์ที่มุ่งเนรมิตพื้นที่เสื่อมโทรมเหล่านี้ให้สดใสขึ้นมาได้ด้วย street art ไม่ว่าจะเป็น Sanba Street Art Project ที่ได้ศิลปินชาวอิตาเลี่ยน Hintnes มาเพนต์อาคาร 6 หลัง ในย่านที่อยู่อาศัยของชนชั้นแรงงาน San Basilio ให้พื้นผิวของอาคารแต่ละด้านเป็นรูปสัตว์และต้นไม้ที่มีสีสันสวยงาม
หรืออีกโปรเจ็กต์หนึ่งอย่าง Big City Life ที่หวังจะเปลี่ยนอาคารบ้านเรือนสีทึบเทาในย่าน Tor Marancia ให้สดใสขึ้นมาด้วยงานศิลปะบนผนัง โดย Big City Life ได้ศิลปินแนว street art ระดับท๊อปจากทั่วโลก 21 ชีวิตเข้ามาให้ความร่วมมือ เพื่อที่จะสร้างสรรค์ให้อาคารแต่ละหลังแตกต่างออกจากกันทั้งเรื่องราว สไตล์ และสีสัน รวมทั้งก็ยังสนับสนุนให้ผู้อยู่อาศัยและโรงเรียนในย่านนั้นเข้ามามีส่วนร่วมในการปรับปรุงย่านที่อยู่อาศัยของพวกเขาครั้งนี้อีกด้วย
อีกโปรเจ็คต์หนึ่งที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คือ Creative Rome ที่เนรมิตงานศิลปะบนกำแพงกว่า 15 ชิ้น บนอาคารในย่าน Ostiense งานนี้แม้จะยังห่างไกลจาก East Side Gallery ในเบอร์ลินที่ถือเป็น outdoor art gallery ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่อย่างน้อยๆ โรมก็ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว และเรื่องดีอย่างหนึ่งสำหรับธุรกิจการท่องเที่ยวก็คือ ในอนาคตเราอาจได้พบนักท่องเที่ยวนั่งรถมา selfie กับงานศิลปะบนกำแพงย่านชานเมืองไม่แพ้งานศิลปะขึ้นหิ้งในใจกลางกรุงโรม ซึ่งนั่นก็หมายถึงการกระจายรายได้ออกมายังชานเมืองเหล่านี้ด้วย นับเป็นไอเดียที่น่าสนใจใช่เล่น!
