ผ่านมาหลายคนอาจเคยได้ยินการรับประทานอาหารตามกรุ๊ปเลือด แต่ตอนนี้หากใครต้องการบำบัดร่างกายก็มีการใช้ ‘กลิ่นบำบัด’ ตามกรุ๊ปเลือดด้วย
นายแพทย์ ชัชดนัย มุสิกไชย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลนครธน และ ธันยวัลย์ สุนทรนนท์ ผู้เชี่ยวชาญการใช้กลิ่นบำบัดอาโรมาเธอราพี ศูนย์ไทยเมดิคอลสปา โรงพยาบาลนครธน ให้ความรู้เรื่องนี้ว่า เลือดแต่ละกรุ๊ปมีสารเคมีในเลือดต่างกัน เป็นองค์ประกอบให้มีกลิ่นไม่เหมือนกัน อย่างที่รู้กันมาว่าในเม็ดเลือดแดงจะมีแอนติเจน โปรตีนชนิดสำคัญที่เป็นตัวกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย การใช้กลิ่นบำบัดจะไปช่วยให้การทำงานของสมองในส่วนของอารมณ์ต่างๆ ทั้งความรัก ความเศร้า ความโกรธ ทำงานได้ดีขึ้น เราจึงหายจากอาการป่วยได้ไว
กรุ๊ปโอ ซึ่งมักต้องมีชีวิตอยู่กับดินเป็นหลัก ควรหลีกเลี่ยงอะไรที่เป็นกรด กลิ่นที่เหมาะสมคือ กลิ่นของต้นไทม์ ราสเบอร์รี่ ซีดาร์วู้ด แฟรงคินเซนส์ เปปเปอร์มินท์ กำยานไทยและโกศกระดูก
กรุ๊ปเอ กรุ๊ปแห่งนักมังสวิรัติ มักมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดสูงกว่าเลือดกรุ๊ปอื่น กลิ่นบำบัดที่ดีคือ กลิ่นของต้นไม้ในสวน ชาเขียว ใบมะเขือเทศ ใบโหระพา และยี่หร่า
กรุ๊ปบี กลุ่มที่เสี่ยงจะอ้วนง่ายมากที่สุด และยังมีปัญหาเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงต้องขยันขจัดความเครียดเพื่อลดฮอร์โมนคอร์ติซอล กลิ่นที่ใช้ได้ดีคือกลิ่นธรรมชาติที่มีความร้อนแรงของเนื้อไม้ และเผ็ดร้อน อาทิ ขิง โสม ชาเขียว ชาดำ แอปเปิลแดง ทับทิม พริกไทย พิมเสน และไม้สัก ปิดท้ายกันด้วยกรุ๊ปนักกินทุกรูปแบบอย่าง
กรุ๊ปเอบี จุดอ่อนของคนกรุ๊ปนี้คือมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และกรดในกระเพาะต่ำ กลิ่นที่ใช้จึงควรเป็นกลิ่นจากแร่ที่หลากหลาย ทั้งแอลดีไฮด์ (ยูคาลิปตัส มะนาว ตะไคร้ ใบส้ม เกรปฟรุต ) อะลูมิเนียม หินชนวน และก้อนกรวด เป็นต้น
Credit : horoworld.com