รายงานข่าวแพร่สะพัดไปทั้วทั้ง วงการเกย์บางกลุ่ม ( เน้นบางกลุ่ม ) ที่ยังเข้าใจเรื่องกินยา PrEP ผิดๆ เพราะบางคนกินแล้วก็ไปมีเซ็กซ์แบบสดๆ ไม่สวมถุงยางอนามัย เพราะมั่นใจว่าเป็นยาป้องกัน 100 %
โดยเมื่อไม่นานมานี้ แพทย์ชาวนิวยอร์กตรวจพบที่ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV แม้ว่าเขาจะได้รับยา ทรูวาดา (Truvada) หรือ PrEP ตามใบสั่งแพทย์เป็นประจำก็ตาม ซึ่งในกรณีที่การใช้ยา PrEP ล้มเหลวในครั้งนี้เป็นรายที่สองในชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย
สำหรับ ยา PrEP หรือชื่อทางการค้าว่า ทรูวาดา คือยา pre-exposure prophylaxis contracted เป็นยาต้านไวรัส HIV เพื่อป้องกันการติดเชื้อดังกล่าว ซึ่งยาตัวนี้กำลังเป็นที่นิยมมากในสหรัฐอเมริกา ในปี 2015 มีชาวอเมริกันมากกว่า 80,000 คนได้รับยา PrEP และมีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นายแพทย์ Howard A. Grossman แพทย์ชาวนิวยอร์ก ผู้เชี่ยวชาญการดูแลในผู้ชายที่มีพฤติกรรมชายรักชาย ได้รายงานว่ากรณีการติดเชื้อ HIV ในผู้ที่ได้รับยา PrEP นั้นเป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM)
และในช่วงอายุ 20 ปี ได้มีความสัมพันธ์กับผู้ป่วย HIV ซึ่งคู่ขาของเขายังคงได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส อย่างเต็มที่อยู่
ซึ่งผู้ป่วยได้เล่าว่าก่อนหน้าที่จะตรวจพบ Positive HIV เขาได้มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนของเขาหลายครั้งและสลับกันรุก-รับ นอกจากนั้นเขายังบอกอีกว่า เขามีคู่นอนฝ่ายรุกสองคน คนหนึ่งคบกันห้าสัปดาห์ครึ่ง และอีกคนหนึ่ง 11 สัปดาห์ก่อนที่เขาจะตรวจเลือดแล้วพบผล HIV เป็นบวก โดยเขาไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าผู้ป่วยรายนี้ได้รับยาเป็นประจำภายใต้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นสาเหตุของการติดเชื้อจึงไม่ได้เกิดจากการไม่ใช้ยาหรือขาดยาแต่อาจเกิดจาก HIV ที่พวกเขาได้รับนั้นทนต่อยาต้านไวรัส และจากการทดสอบการดื้อยาของเชื้อไวรัสของผู้ป่วยพบว่ามันมีการกลายพันธุ์ที่สามารถต้านทานตัวยาในยา ทรูวาดา คือ tenofovir และ emtricitabine
อย่างไรก็ตามจากการวิจัยพบว่าการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมากและการกลายพันธุ์ก็ไม่เกี่ยวกับการใช้ยาทรูวาดาแต่อย่างใด จากกรณีความล้มเหลวจากการใช้ยาที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยในครั้งนี้นั้นเกิดขึ้นได้น้อยมากจนแทบไม่มีเลย ดังนั้นการใช้ยา PrEP หรือ ทรูวาดา ยังเป็นผลดีในการป้องกันเชื้อ HIV ถึง 99% ถ้าทานยาเป็นประจำ
นอกจากนั้นจากข้อเท็จจริงยังแสดงให้เห็นว่าผู้ชายที่ติดเชื้อ HIV จากการมีเพศสัมพันธ์ ผู้ชายที่เป็นฝ่ายรุกมีโอกาสน้อยกว่ามากที่จะติดเชื้อไวรัสถ้าเทียบกับฝ่ายรับ
ในท้ายที่สุดจากการวิจัยในครั้งนี้นายแพทย์ Howard A. Grossman ได้สรุปว่า “PrEP เป็นยาที่ดีและประสบความสำเร็จสูง สำหรับความล้มเหลวนั้นพบได้น้อยมาก” และเขายังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าการสวมถุงยางอนามัยสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV ได้มากด้วยเช่นกัน
Cr : https://www.poz.com/article/second-man-contracts-rare-hiv-strain-apparently-adhering-prep , dudeadam ฯลฯ
บทความนี้ อ้างอิงจากรายงานดังกล่าวเพื่อสร้างความเข้าใจให้ถูกต้อง ไม่ได้ต้องการให้ตื่นตะหนก แต่อยากให้ตื่นตัวมากกว่า