จากกรณีที่นายปรีชา ชินวาณิชย์ อายุ 50 ปี นักธุรกิจเต็นท์รถยนต์มือ2 ย่านถนนศรีนครินทร์ และน.ส.ชญาดา ชินวาณิชย์ พี่สาว เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายพัชรวรรธน์ หรือ โจม คำแหง อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นเจ้าร้านเสื้อผ้าพัชราภากรุ๊ปบายพัชรวรรธน์ และเป็นเซเลบคนดังของจังหวัดนครศรีธรรมราช
โดยระบุว่า นายพัชรวรรธน์มาขอยืมเงินกว่า 8 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้เป็นค่ารักษา อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ ดาราสาวชื่อดัง ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูก โดยผู้เสียหายโอนเงินไปให้กว่า 10 ครั้งเป็นเงินกว่า 8 ล้านบาท และทางนายพัชรวรรธน์บอกว่า จะคืนให้ภายในเดือนพฤศจิกายน แต่เมื่อถึงเวลาไม่ได้คืนเงิน แต่เมื่อสอบถามไปยังอั้ม พัชราภา ก็ระบุว่าไม่ได้ป่วย และไม่ได้ให้นายพัชรวรรธน์ไปยืมเงินแต่อย่างใด รวมทั้งไม่ได้ติดต่อกับนายพัชรวรรธน์มานานแล้ว
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 1 ธ.ค. นายพัชรวรรธน์ คำแหง พร้อมด้วยนายภูมิกิติ ทองอร่าม ทนายความ เดินทางมายังสภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวัน โดยมี พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพสม ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งโดยให้มีการลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อที่จะตรวจสอบกับทางกองปราบว่า คู่กรณีได้แจ้งความหรือลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อที่จะได้ดำเนินการต่อ
นายภูมิกิติ กล่าวว่า วันนี้พานายพัชรวรรธน์มาแจ้งความกลับคู่กรณี ในข้อหาหมิ่นประมาททำให้เสียชื่อเสียง โดยไม่ได้เป็นจริงตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้ให้ลงบันทึกประจำวันไว้ โดยทางนายพัชรวรรธน์พร้อมที่จะสู้คดีในทุกกรณี แต่ขอไม่พูดรายละเอียดมาก
ด้านนายพัชรวรรธน์ กล่าวว่า ข่าวที่ออกมาได้ส่งผลกระทบให้กับตัวเองและครอบครัวมาก คนในสังคมที่ไม่ทราบความจริง ก็มีการด่าทออย่างเสียหาย ทำให้ตนต้องอยู่อย่างลำบากในสังคม และวันนี้ที่ได้ตัดสินใจมาแจ้งความ เพราะมองว่าบ้านเมืองมีกฎหมาย เราก็จะต้องใช้กฎหมายให้เป็นประโยชน์ และพร้อมที่จะสู้ในทุกกรณี เพราะไม่ได้เป็นจริงตามที่ถูกกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้ติดต่อกับอั้ม พัชราภา บ้างหรือไม่ นายพัชรวรรธน์ กล่าวว่า ไม่อยากจะเอ่ยถึงบุคคลที่ 3 ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ แต่จะสู้ในด้านคดีกับผู้กล่าวหา และยอมรับว่า โดยส่วนตัวรู้จักกับสองพี่น้องนักธุรกิจเต้นท์รถเป็นอย่างดี