มีรีวิวการเปลี่ยนแปลงเพื่อเป็นกำลังใจให้ใครหลายๆ คนอีกแล้วจ้า จากสมาชิกเว้บไซต์ พันทิปดอทคอม คุณ Like a Pyramid ได้มาบอกเล่าเรื่องราวการลดน้ำหนักด้วยตัวเอง จากหญิงสาวที่อ้วนถึง 82 กิโล สู่สาวน้อยตัวเล็กน้ำหนักเพียง 50 กิโล จะเป็นยังไงไปดูกัน
** ขอเล่าเรื่องราวความอ้วนตั้งแต่แรกก่อนนะ **
คือเป็นคนที่อ้วนมาแต่เด็กแล้ว อ้วนจากการกินเยอะเองนี่ละ ก็อ้วนปกติแต่ไม่ถึงขั้นมากกกกก จนเริ่มมีจุดเปลี่ยนตอนเข้ามหาลัย
คือ อ้วนแบบมากกกกกกกกกๆ เลย ชีวิตเปลี่ยนจากอยู่บ้านไปอยู่หอ กินไรก็อร่อยไปหมด ซื้อกินตอนไหนก็ได้ น้ำหนักช่วงนั้นรู้สึกจะ 75-76 กิโล
ก็ยังไม่ได้มีทีท่าจะลดหรอก ก็กินๆๆๆต่อไป จนมีช่วงนึงคือปี2 กินๆๆเยอะแบบรู้ตัวเลยว่าเยอะ กินข้าวครบทุกมื้อ ขนมก็กิน แต่ดึกก็กินอีก มื้อดึกนะ เช่น โจ๊กคัพ+ไก่ทอด2 ชิ้น+ขนมจีบ คือ รู้ว่าตัวกินเยอะนะแต่หยุดไม่ได้จริงๆ แล้วพอกลับบ้านด้วยสภาพที่อ้วนแบบนั้น เจอใครที่บ้านก็ ทักว่าอ้วนมากกๆๆ คางจะย้อยถึงบ้านละ คือแบบเห้ยย ทำตัวไม่ถูกเลย พอชั่งน้ำหนักที่บ้าน เจอตัวเลข 82.9!! เห๊ยย นี่อ้วนจนขึ้นเลข 8เลยหรอ ….. พอถึงวันกลับหอเลยคิดว่าจะลองลดดู …. ซึ่งก็ไม่ได้คิดจะจริงจังนะ
::: เริ่มแรกเลยนะ น้ำหนักที่ชั่งได้คือ 82.9 กิโล
สูง 160 เซนติเมตร ความอ้วนที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือหน้า น้ำหนักปัจจุบันคือ 50 เป๊ะ กินเยอะหน่อยก็ 51-52 ระยะเวลาในการลดน้ำหนัก ประมาณ 11 เดือน ได้ แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ทำต่อเนื่องนะ มันเลยนาน มีช่วงที่แบบว่ารู้สึกลดมามากพอแล้วก็หยุด กลับมากินปกติ เลิกออกกำลังกาย เป็นแบบนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง :::
รูปที่เห็นแล้วทำให้อยากลดก็คือ …
นั่นแหละ น่าตกใจไหม
วิธีแรกที่เราเริ่มทำเลยนะ คือ งดข้าวเย็น วันแรกที่เริ่มลดก็คือในรูปนี่ละ ซัดพิซซ่าไปแล้ว … หลังจากนี้ก็รู้สึก เห้ยเราก็ทนได้นี่หว่า .. ไม่ได้รู้สึกหิวเลยนะ อาจจะเป็นเพราะอ้วนมาก อาหารที่กินแต่ละวันคงยังเหลือให้ใช้พลังงานได้อีกเยอะ 555 ก็เริ่มทำมาเรื่อย ๆ จำระยะเวลาไม่ได้อะ อ๋อ แล้วพอรู้สึกว่าตัวเองจริงจังกับการลดน้ำหนักแล้ว เลยไปซื้อเครื่องช่างน้ำหนักแบบดิจิตอล เห็นกันเป็นจุดๆไปเลย มันดีมากเลยนะ เราชั่งทุกวัน จะได้เจียมตัว 555 แล้วคราวนี้ทำมาเรื่อยจน น้ำหนักลดไป 2 กิโล แบบมันดีใจนะ คนไม่เคยคิดจะสนใจน้ำหนักอะ
นี่คือน้ำหนักลดแล้ว 2 โล เย้เย้ -___- คือเหลือ 80 กิโล
คือมันลดก็จริง แต่เห็นสภาพตัวเองละก็ยังไม่ไหว ก็ยังคงงดมื้อเย็นมาสักพัก แต่คราวนี้ไปออกกำลังกายด้วย การออกกำลังของเราคือการวิ่ง
ไม่สิ เราไม่ถึงขั้นวิ่ง เราทำแบบเดินเร็วๆ เร็วธรรมดากับเร็วมาก สลับกัน เราไปวิ่งที่ฟิตเนสมหาลัย ความเร็วของเครื่องอยู่ที่ประมาณ 5.5-6.9 ไรแบบนี้
แล้วก็มีปั่นจักรยานบ้างนะ บ้างจริงๆ เวลารอเครื่องวิ่งตอนไปว่างก็ปั่นๆรอ มีภาพมายืนยัน …
การออกกำลังกายเราไม่ได้มีกำหนดวันนะ คือว่างวันไหนก็ไป ส่วนมากก็จะว่าง ถ้าไม่ต้องทำงาน ไม่มีสอบ ก็จะไป
การออกกำลังกายของเราอีกแบบคือ ตีแบต มันสนุกดีนะ โชคดีที่เพื่อนก็ไปตีด้วย
อ๋อ ลืมบอกตอนลดน้ำหนักนี่ เพื่อนก็เป็นส่วนสำคัญนะ คือปกติเราอยู่หอใช่ปะ ทุกวันคือกินข้าวกับเพื่อน พอถึงคราวที่เราจะลดน้ำหนัก
เราต้องบอกมันอย่างจริงจังเลย ว่า ไม่กินนะข้าวเย็น ร้านนมหรือไปกินขนมที่ไหนก็ห้ามชวน แรกๆก็ยังมีชวนบ้าง หลังๆเราไม่ไป เพื่อนนี่เงียบหายไปเลย 555
คราวนี้พอลดมาสักพักเราก็ปรึกษาพี่สาว พี่เราก็แนะนำให้เราไปดู รายการ good shape save cost ซึ่ง มันโอเคมาก !!
จริงนะ คือเราดูแล้วเรามีกำลังใจมากเลย ก็คือจะเน้นควบคุมอาหาร มากกว่าออกกำลังกาย ซึ่งปกติเราก็ออกอยู่แล้วละ
พอดูรายการนี้เราก็ กินแบบคำนวณแคลอรี่เลยละ จริงจังมากๆ ถ้าจะกินตอนเย็นคือก็ต้องดูอะไรที่แคลอรี่น้อย ๆ พอช่วงนี้ก็เลยออกกำลังกายไม่ได้สม่ำเสมอ
ออกบ้างไม่ออกบ้าง บางอาทิตย์นี่หยุดไปเลย แต่ น้ำหนักก็ลดนะ ลงมาเหลือประมาณ 75-76 กิโล
คือทุกส่วนนี่มันแน่นไปหมดจริงๆ
หลังจากนั้นเราก็คุมแคลอรี่มาเรื่อยๆตลอดเลย ออกกำลังกายบ้าง แบบว่าอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง
แต่ถ้าอาทิตย์ไหนไม่ไปก็คือไม่ได้ไปเลยทั้งอาทิตย์นะ ถ้าจำไม่ผิด ช่วงประมาณเดือนมีนาเราหนัก 71 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มเรียนซัมเมอ
เราลองใช้สูจรพระเทพ แบบ 7 วัน น้ำหนักก็ลดประมาณ3 กิโลนะ จำไม่ได้ว่าทำช่วงมีนาหรือเมษา ถือว่าไม่เยอะ เพราะอ่านจากสูตรเค้าบอกลด 7-8โล
แต่มันเป็นระยะเวลาที่ทำให้เราลงถึงเลข 6!!! แบบ 68-69 เห๊ยยย มันฟินมากกกกก ไม่รู้ว่าทำไม 55555 ดีใจที่ตัวเองพ้นจากเลข7 สักที
แล้วพอเดือนพฤษภาเราจำได้เลยหนัก 65 กิโล ..
ลงรูปในfacebook ช่วง หนัก65 เพื่อนเริ่มทักเยอะมากขึ้นว่าผอมลงป่าวๆ รู้สึกดีมากเลยนะ แล้วก็กังวลเบาๆ เพราะ เดือนพฤษภาไปเที่ยวเกาหลี ญี่ปุ่น เกือบเดือนนึงเต็ม กลัวน้ำหนักขึ้นมากๆๆ แต่ไปแต่ละที่คือกินจัดเต็มนะ รู้สึกแบบ อุตส่าห์มานี่นา … พอกลับมาไทย ชั่งน้ำหนัก ปรากฏว่า ไม่ขึ้นเลย !!! ดีใจม้ากกกกก พอกลับมาแล้วอยู่ในจุดอิ่มตัว คือกินปกติ กินเย็นกินดึก กินบุฟเฟ่ จนวันนึงชั่งน้ำหนักแล้ว 68 !!! เห้ย คือไร … ที่เราตั้งใจมาทำไปทำไม ? กลับมาจากเที่ยวน้ำหยักก็อุตสาห์ไม่ขึ้น มีเวลาลดทำไมไม่ตั้งใจ? แบบวนในหัวเรามากกกกกก จำได้ว่าเริ่มลดจริงๆจังๆอีกครั้งช่วงกลางเดือน มิถุนา
***คราวนี้เป็นสูตรโหดนะ***
เราลองทำเองแบบไม่ถามใครคือ
มื้อเช้า : โยเกิร์ต
เที่ยง : ไข่ต้ม 2ฟอง
เย็น : ผลไม้ (บางวันไม่กิน)
ตอนเย็นออกไปเดินเร็วๆรอบสวนสาธารณะ (สระพังทอง) 2-3ร อบ ทุกวัน!! เพราะว่าเราว่างมาก อยู่บ้านมีแต่นั่งๆนอนๆ ออกไปขยับร่างกายสะหน่อย
ช่วงนั้นเราออกอยู่สองแบบคือ ว่ายน้ำกับวิ่งนี่ละ ไม่รู้ออกกำลังกายได้มากไหม แต่ควบคุมอาหารนี่ได้ผลสุดๆๆ
เอ่อ .. แต่เราขอเตือนนะ ช่วงที่เราทำคือเราไม่ได้ทำไรเลยแต่ละวัน แบบงานบ้านหรือทำไรก็ไม่ได้ทำ แล้ว มันเป็นช่วงปิดเทอม เราทำเราโอเค เพื่อนเราเคยลองทำแล้วมันหน้ามืด
คืออาจจะแล้วแต่คนอะ ใชวิจารณญาณแล้วกันเน่อออออ
นั่นละ พอวันที่ 20 กรกฎา เราจำได้แม่น เพราะเรากำลังจะไปค่ายกับเพื่อนๆสาขา เราเลยพยายามเร่งลดมาก 5555 แบบอยากมีการเปลี่ยนแปลงชัดๆ
น้ำหนักอยู่ที่ 58 กิโล ……. เห้ยมันคือเลข5แล้ว ……. ดีใจอะ
เราก็กลับไปอยู่หอ ใช้ชีวิตปกติ กินข้าวอะไรก็ปกติ แต่มันยังติดนิสัยแบบตอนอยู่บ้านก็คือ กินน้อยอะ คือ ถ้ากินข้าวอิ่มแล้วคือ อิ่ม
ขนม เค้ก นม ถ้าไม่มีความอยากก็ไม่ได้กิน บางวันรู้สึกชิน กลางวันนั่งกินไข่ต้มก็มีบ้าง 555555
ทำให้น้ำหนักเราลดเองมาเหลืออยู่ที่ 55 กิโล …. มันดีอะแก (เปิดเทอมมาแรกๆไม่ได้ออกกำลังกายเลย)
พอน้ำหนัก 55 แบบคงที่แล้ว เราก็ทำการกินปกติ ออกแนวเริ่มปล่อยตัวด้วยซ้ำ ฮ่าาา ก็กินขนม กินนม กินข้าวเยอะขึ้น แต่ก็ไม่เท่าตอนอ้วนแหละ
แล้วคราวนี้อยู่ๆไปเรื่อยก็รู้สึกว่า 55 ฉันก็ยังอวบๆอยู่เลยนะ เลยพยายามลด โดยการกลับมาควบคุมการกิน แบบจริงจังขึ้น แต่คราวนี้เราไม่ใช้สูตรโหด
พราะเราต้องเรียนหนังสือ ทำนู๊นนี่ เราทำเป็นแบบ กินพวกก๋วยเตี๋ยว สลัดผัก เกาเหลา ผลไม้ ไข่ต้ม วนๆ อยู่แบบนี้ ถ้าต้องกินข้าวจริงๆ ก็กินกับเยอะกว่า ข้าวก็แบ่งๆให้เพื่อนไป
ช่วงนี้เราออกกำลังกายด้วยนะ ไปวิ่งตอนเช้า 40นาที น่าจะอาทิตย์ละสองครั้งได้
นั่นละ … น้ำหนักเราลดเหลือ 52 !! เย้ บอกตรงๆนะมันเริ่มลดยากแล้วตั้งแต่ 55 กิโล มา
พอหนัก52 เราก็ยังไม่ลืมเป้าหมายของเรา เราอยากหนัก 45 !! คือรู้นะว่ามันย้ากกกยาก แต่ก็พยายามกระดึ้บๆ ให้ลดลงๆไปเรื่อย คราวนี้มาถึงช่วงสอบ final ก็อยากจะลดน้ำหนักไปด้วยละ แต่มันก็ต้องกินละเน้อะ ก็กินปกติ แต่ละมื้อส่วนมากแบบรีบกินรีบเสร็จจะได้ไปอ่านหนังสือ ก็ยังกินไข่ต้มอีกเช่นเคย มันอิ่มมากเลยนะ ไปลอง … ก็จะกินแบบปกติ แต่ไม่มีเวลาไปหาขนมมากินอะดิ หรือบางวันขี้เกียจออกไปข้างนอกมากๆ แบบอยากนั่งอยู่กับที่ ก็กินแค่โยเกิร์ต ผลไม้ ขนมเล่นๆ (มันไม่ดีนะ) น้ำหนักก็ลดมาถึง 50 กิโลถ้วนสมบูรณ์
คือดีใจมากกกกกกกกกก อยากลดต่อ แต่ติดตรงกลับมาบ้านนี่ละ ของกินอร่อย ไม่กิน พ่อแม่ก็ดูเป็นห่วง ฮร่าาาาาาา
ถึงเวลาต้องลงรูป after 30 กิโลที่หายไปแล้วใช่ปะ ? แต่รูปตอนก่อนลดเราเยอะกว่าตอนลดแล้วอีก ดูไหม ? ดูๆๆ เราจะลง 555555
จำไม่ได้นะช่วงไหนเท่าไร ดูสุ่มๆไป 55555 :ปัญหาหลักสำหรับเราเลยนะ เราเป็นคนหน้าใหญ่ แก้มนี่ใหญ่มาก 555 น้ำหนักลดเท่าไรหน้าก็ยังอ้วนอยู่ :
หลังจากที่น้ำหนักหายไป 32 กิโล !!! จาก 82.9 ลงมาเหลือ 50 กิโล ….. เฮ้ !!~
# สรุปน้ำหนักทุกวันนี้คือ 50 กินเยอะๆหน่อยก็สัก51-52 แต่วันถัดมาก็อยู่ช่วง 50 โลแหละ .. #
นี่คือการเปลี่ยนแปลง เหมือนชีวิตหลังมรสุมมมมมม ฮ่าาา
สุดท้ายด้วยการ selfie ที่คิดว่าหน้าจะเล็กสุดได้เท่านี้ละ แก้มก็ยังมีเช่นเดิม แต่มันคงเล็กกว่าภาพแรกเย้อะ
สุดท้ายคุณ Like a Pyramid ยังทิ้งท้ายไว้อีกว่า
*ไม่ได้กินยาลดน้ำหนัก ช่วงนั้นแค่วิตามินซี หรือยาบำรุงผิวไรก็แทบไม่กิน กลัวมันจะทำให้อ้วน 5555
– เคยกินยา fulfill ของแบล๊คมอที่ว่าทำให้อิ่ม สีชมพูๆ แต่ยานี้เราว่ามันอยู่ที่ใจ มันทำให้อิ่ม แต่ถ้าใจอยากสะอย่าง เลยไม่ค่อยได้กิน, แล้วก็ยา detox สีเขียว ๆ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับลดน้ำหนักนะ เป็นแบบขับถ่ายไรงี้ กิน แค่นี้จริงๆ
*อยากให้ทุกคนสู้ คือเราลดได้ทุกคนก็ได้อะ เชื่อดิ้
*นิสัยส่วนตัวเราคือชอบกินจุกจิก ชอบน้ำอัดลม ขนม เค้ก
*การลดของเราเน้นการควบคุมอาหารนะ ออกกำลังกายเป็นรอง ทำได้ก็จะดี
*การลดน้ำหนักอยู่ที่ใจสุดๆเลย