ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

เมื่อพูดถึงตำนานของโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก เรามักนึกถึง Facebook ที่มีภาพยนตร์ The Social Network พยายามเล่าประวัติการก่อตั้งบริษัทของ Mark Zuckerberg ที่เต็มไปด้วยการหักเหลี่ยมเฉือนคม (เรื่องราวจริงๆ เป็นอย่างไรคงไม่มีใครทราบยกเว้นเจ้าตัว) สุดท้ายเรื่องจบลงด้วยชัยชนะของ Zuckerberg จนเขาผงาดขึ้นเป็นมหาเศรษฐีรุ่นใหม่ด้วยวัยเพียงยี่สิบกว่าปี

EyWwB5WU57MYnKOuXocwaACKuqDsWWqlaCaAwDir7CraqOGrfNJNdl

แต่บริการโซเชียลอีกตัวอย่าง Twitter ก็มีเรื่องราวความขัดแย้งภายในที่ดราม่าไม่แพ้กัน

ตำนานของ Twitter เริ่มขึ้นจาก Evan Williams ผู้ก่อตั้ง Blogger แพลตฟอร์มบล็อกอันดับหนึ่งของโลก ขายกิจการให้กูเกิลในปี 2003 (ถือเป็นบริษัทสตาร์ตอัพทำเว็บ 2.0 ยุคแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จจนขายกิจการได้) หลังจากขายบริษัทแล้ว เขาเริ่มมองหาว่าจะไปทำอะไรต่อดี

Williams ประเมินว่าเทคโนโลยีพ็อดแคสต์ (podcast) จะมาแรง ในปี 2004 เขาจึงร่วมกับเพื่อนชื่อ Biz Stone ตั้งบริษัท Odeo เพื่อมาทำธุรกิจด้านนี้

ตอนนั้น Odeo รับหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อ Jack Dorsey เข้ามาทำงาน ระหว่างการทำงานที่ Odeo พ่อหนุ่ม Jack คนนี้เกิดมีไอเดียสร้างระบบส่งข้อความสั้นผ่าน SMS (ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของ Twitter) บริษัท Odeo จึงสนับสนุนให้ Jack หันมาทำโครงการนี้แบบเต็มเวลา ในขณะที่พนักงานคนอื่นของ Odeo ยังทำธุรกิจหลักของบริษัทต่อไป

แต่ทำไปทำมา Twitter กลับไปได้สวยกว่า Odeo ทำให้ Odeo ตัดสินใจตั้งบริษัทลูกมาลุย Twitter เต็มตัว และมอบหมายให้ Jack Dorsey เป็นซีอีโอของบริษัท (ช่วงเวลาเดียวกัน Odeo เปลี่ยนชื่อมาเป็นบริษัท Obvious จากปัญหากับนักลงทุนรายเดิม)

ปี 2007 ถือเป็นปีแรกที่ Twitter เริ่มได้รับความนิยมในวงกว้าง จนนักลงทุนเริ่มวิ่งเข้าหา อนาคตของบริษัทดูจะสดใส แต่หนุ่มวัยละอ่อนอย่าง Jack Dorsey อาจยังขาดประสบการณ์ชีวิตอยู่บ้าง เขาไม่ประสบความสำเร็จมากนักกับตำแหน่งซีอีโอ และถูกวิจารณ์ว่าเอาเวลางานไปทุ่มเทกับงานอดิเรกอื่นมากเกินควร สุดท้ายเขาโดนนักลงทุนที่ถือหุ้นของบริษัทกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ

NjpUs24nCQKx5e1D61cvT9xJIUhD4FFLPqJKgN6mXvd

ปี 2008 บอร์ดของบริษัทดึง Evan Williams มาเป็นซีอีโอแทน โดยยกตำแหน่งประธานบอร์ดให้กับ Jack ซึ่งถือเป็นตำแหน่งในนาม ทีมผู้ก่อตั้ง Twitter แยกเป็นสองฝ่ายชัดเจนคือฝ่ายของ Dorsey กับฝ่ายของ Williams และ Stone

ช่วงเวลาตอนนั้นเหมือนว่า Dorsey ถูกปล้นอำนาจไปจากบริษัทที่เขาเป็นเจ้าของไอเดียและสร้างขึ้นมากับมือ เขาหนีไปพักใจอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนกลับมาพร้อมกับบริษัทใหม่ Square ทำเครื่องรูดบัตรเครดิตแบบเสียบเข้ากับ iPad พกพาสะดวกและเขียนโปรแกรมควบคุมได้

Square กลายเป็นบริษัทดาวรุ่งของโลกไอที ซึ่ง Dorsey ก็หันมาทุ่มเทให้กับ Square เต็มตัว โดยยังคงตำแหน่งประธานบอร์ดของ Twitter ไว้เช่นเดิม

ฝั่งของ Williams นั่งเป็นซีอีโออยู่สองปี พาบริษัทเติบใหญ่อย่างรวดเร็ว แต่เขาเองก็ไม่ถนัดเรื่องการคุมทีมพนักงานจำนวนมาก ในปี 2010 เขาประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ และดึงผู้บริหารคนนอก Dick Costolo เข้ามาเป็นซีอีโอแทน

อย่างไรก็ตาม Dorsey ยืนยันว่าเขาจะไม่ลาออกจากการเป็นซีอีโอของ Square แน่นอน ซึ่งทำให้บอร์ดลำบากใจ เพราะการนั่งเป็นซีอีโอควบสองบริษัทไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

แต่สุดท้ายแล้ว บอร์ดไม่มีทางเลือกอื่น และตัดสินใจแต่งตั้ง Dorsey เป็นซีอีโอคนใหม่ของ Twitter เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเขาก็ยังเป็นซีอีโอของ Square ด้วยตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้

นี่คือเรื่องราวการกลับมาของ Jack Dorsey สู่บริษัทดั้งเดิมของเขาอีกครั้ง โดยเขามีภารกิจยิ่งใหญ่ที่ต้องรีบฉุด Twitter ให้กลับมาโดดเด่น โดยที่ยังต้องรักษาระดับการทำงานที่ Square ไม่ให้ตกลงไปเช่นกัน

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เรื่องน่าสนใจ