ในยุค 90 ไม่มีใครที่ไม่รู้จักสี่สาวสุดเซ็กซี่วง Girly Berry ที่นับว่าเป็นอีกวงที่ดังพลุแตกในยุคนั้นเลยก็ว่า แต่เมื่อเวลาผ่านไปยุคสมัยก็ต้องเปลี่ยนแปลงถึงทั้ง 4 สาวจะแยกวงวางไมค์ไปแล้วแต่ความผูกพันที่มีให้กันมายังคงอยู่ ซึ่งหนึ่งใน 4 สาว Girly Berry กิ๊ฟซ่า ปิยา ที่ได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เผยถึงที่มาที่ไปของชื่อ กิ๊ฟซ่า กิ๊ฟซี่ ที่ทำไมต้องใช้ชื่อนี้ พร้อมทั้งยังเปิดความลับยอมรับว่าในช่วงที่เป็นวง Girly Berry มีปัญหาทะเลาะกันบ่อย พร้อมแง้มเรื่องหัวใจและคำตอบเรื่องแต่งงาน

 

กิ๊ฟซ่า

 

ถาม ในช่วงที่ Girly Berry กำลังเปรี้ยงปร้างมันมีที่มาของชื่อ เพราะมีชื่อของ กิ๊ฟซี่ และ กิ๊ฟซ่า ที่มาของชื่อคือ
กิ๊ฟซ่า : คือตอนแรกนะคะ ที่ตั้งวงคือ มีกิ๊ฟสองคน ตอนที่เราเป็นศิลปินฝึกหัดเราก็เริ่มคุยกันแล้วว่าชื่อซ้ำกันสองคนออกเทปไป (เพราะสมัยก่อนเป็นเทป) เขาจะเรียกจะจำเรายังไงตอนแรกก็จะให้เรียกว่า กิ๊ฟ กิ๊ฟ คือไม่ได้ทางค่ายก็เลยจะไปคิดให้แล้ววันที่ถ่ายปกทุกอย่างแล้วเขาก็บอกเราว่าเธอคนนี้คือ กิ๊ฟซี่ และคนนี้คือ กิ๊ฟซ่า ซึ่งตอนแรกเราไม่ชินเลยเพราะเราเขิน เวลามีคนเรียกเราก็ไม่ชินก็เขิน อย่างเวลาที่เราไปมหาวิทยาลัยเพื่อนๆจะเรียกเราว่า กิ๊ฟ ปิยา พอรู้ว่าเราชื่อนี้ก็จะบอกเราว่า กิ๊ฟซ่า เหรอ!! ซ่ามากไหม ถามว่าถ้าย้อนกลับไปในตอนนั้นเราซ่ามากไหมเราไม่ซ่า แต่เราห้าวๆเพราะด้วยความที่เราเรียนโรงเรียนหญิงมาก็จะเป็นสังคมผู้หญิงและด้วยความที่เป็นผู้หญิงหมดเลยเราก็เลยรู้สึกว่าเราต้องสตรองเราก็เลยทำตัวห้าวที่สุด แบบไม่ยอมใครเพราะฉันไม่ใช่สายหวาน

ถาม ด้วยความที่เป็นผู้หญิงแล้วอยู่รวมตัวกันเยอะ แต่ละคนก็จะมีสไตล์ที่แตกต่างกันอีกด้วย ไปไหนมาไหนด้วยกันมีปัญหากันบ้างไหม
กิ๊ฟซ่า : สมัยที่เป็นศิลปินฝึกหัดมาแรกๆตอนแรกๆก็เหมือนมีมิตรไมตรีต่อกัน แต่พอเริ่มอยู่ด้วยกันไปนานๆทำงานด้วยกันคือส่วนใหญ่ จะมาเจอกันตอนที่ทำงานเท่านั้น ตอนทำงานแรกๆก็โอเคจนพอเริ่มมีชื่อเสียงอันนี้ยากเพราะว่าแต่ละคนก็จะมีจุดของตัวเอง มีอารมณ์ของตัวเอง ก็จะทะเลาะกันเรื่องงานบ่อย บางทีก็งอนกันแต่เรื่องงานนะคะ เพราะว่าพอจบเรื่องงานแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวเราก็จะไม่ทะเลาะกันแล้วเราก็จะเป็นเพื่อน แล้วตอนที่เรามีค่ายเราก็มีคนตรงกลางคอยสรุปให้ซึ่งเรื่องที่ทะเลาะกันไม่มีอะไรเลยแค่เรื่องจะร้องเพลงอะไร แล้วก็จะใส่ชุดอะไร คือ 4 คนจะมีอยู่หนึ่งคนคือ กิ๊ฟซี่ เพราะว่าเขาเป็นคนที่ชัดเจนใช่คือใช่ ไม่คือไม่ เอาคือเอา ไม่เอาคือไม่เอา ส่วนตัวเราจะโอเคดูภาพรวมเอาที่ทุกคนเหมาะสมแล้วดูดี ส่วนเบลล์ กับแนนซี่ เขาเป็นคนที่ยังไงก็ได้ แต่แนนซี่ จะเป็นคนที่อยากร้องเพลงที่ตัวเองอยากจะร้อง เราก็จะสะกิดแล้วมีเหตุผลให้เขาว่าเราเป็นสายเต้นแล้วถ้าเราไปร้องเพลง หมอกและควัน เราจะไปเต้นยังไง ส่วนอย่างเรื่องชุดแต่ละคนก็อยากจะใส่ไม่เหมือนกัน

 

 

ถาม แต่พอทะเลาะกันไปกันมา เถียงกันไปมา แต่ทุกครั้งแต่จบที่มีคน กรี๊ด ออกมา!!
กิ๊ฟซ่า : ใช่ค่ะ !! กรี๊ด …แล้วบอกว่าจบแค่นี้แหละ แล้วก็จบค่ะ ทุกครั้ง ซึ่งก็ไม่ได้กรี๊ดคนเดียวนะคะ ก็จะเวียนกันไป แต่อย่างแนนนี่ เขาจะไม่ค่อยพูดแต่จะเหวี่ยงด้วยท่าทาง แต่ กิ๊ฟซี่ จะเป็นคนที่กรี๊ดเยอะ

ถาม ตอนนี้ต้องพูดว่าบทบาทของการเป็น Girly Berry ค่อนข้างห่างหายกันไป กิ๊ฟซ่า เลยมาโฟกัสในเรื่องของการแสดง
กิ๊ฟซ่า : พอหลังจากที่เราหมดสัญญาแล้ว เราก็พยายามที่จะเข้ามาทางสายละครเราก็พยายามที่จะหาจุดของตัวเองในการแสดงซึ่งก็ใช้เวลานานอยู่เหมือนกันตั้ง 4 ปี ถึงจะอยู่ตัว ซึ่งตอนแรกต้องบอกว่าเราเคว้งมากเพราะว่าตอนที่เราอยู่อาร์เอส เราเคยเล่นละครกับพี่บุ๋ม ตอนนั้นเราก็มีความรู้สึกว่าก็สนุกดีแต่ด้วยความที่เราไม่รู้ไงเพราะว่าเราก็รู้สึกว่าเราก็เรียนการแสดงมา แต่การแสดงที่เราเรียนมาคือละครเวที มันจะไม่เหมือนกับการแสดงในจอเวที พอมีผู้ใหญ่มาว่ามาติทำให้เราค่อนข้างจุกเพราะเป็นผู้ใหญ่ที่เราค่อนข้างสนิท เพราะตอนนั้นเราก็ตั้งใจมากแล้วเราก็อยากทำให้มันดีเราก็พยายามทำการบ้าน แต่เราอาจจะทำไม่ถูกจุดหรือเราอาจจะตั้งใจมากเกินไปแล้วบวกกับที่เราเป็นนักร้องมานานแล้วมันก็ทำให้เราห่างจากการที่เราเรียนการแสดงมานานแล้ว บวกกับที่เราไม่ได้เวิร์คชอปแล้วเรานั่งอยู่ในกองเราก็พูดกับพี่ผู้กำกับว่าถ้ามีอะไรติหนูได้เลยนะ คือบางทีหนูอาจจะห่างหายจากการแสดงมานานแล้วอาจจะเคาะสนิทหน่อย แล้วพี่เจี๊ยบ โสภิตนภา เขาเป็นผู้จัดแล้วเขาก็พูดว่า ต้องเคาะเยอะแหละ ด้วยความที่ปกติเรากับพี่เจี๊ยบก็สนิทกันอยู่แล้ว คือ พี่เขาก็ติเพื่อให้เราปรับปรุง ให้เราได้รู้ว่าละครแต่ละเรื่องคาแรคเตอร์ของตัวละครมันต่างกันนะ และในส่วนของมุมกล้องเราก็ไม่ได้ชำนาญหน้าเราไปบังคนอื่นที่เข้าฉากด้วยบ้างมันก็เป็นเรื่องเทคนิคในการแสดง แล้วในแต่ละครเรื่องก็จะมีจังหวะเป็นของแต่ละเรื่องนั้นถ้าเราเล่นแต่จังหวะของตัวเองไม่สนใจคนอื่น แต่ละครเข่เป็นอีกจังหวะหนึ่งมันไม่ใช่ พอเรามาไล่ดูก็เริ่มเข้าใจ เราก้ไปเวิร์คชอปมากขึ้น หรือ พอเราจะไปเล่นกับผู้กำกับท่านไหนเราก็จะศึกษางานของเขาก่อน บทที่ได้มาเราก็พยายามทำการบ้านก่อนแล้วก็เอาไปขายเขาว่าเราเล่นประมาณนี้ได้ไหม ซึ่งพอหลังจากที่เราออกมาจากอาร์เอสก็ใช้เวลาอยู่หลายปีที่กว่าจะลงตัวมีผู้ใหญ่ให้โอกาสและเชื่อในความตั้งใจของเรา เราก็ต้องขอบคุณคำพูดของพี่เจี๊ยบ วันนั้นมากๆเพราะไม่งั้นเราก็จะไม่ได้สำรวจตัวเองเลยเราก็จะคิดไปเองว่า ทำได้ เพราะเราก็เป็นคนที่ตั้งใจทำจริงทุกอย่างในเรื่องของงาน แต่จะมีข้อเสียในตัวอย่างคือ จะคิดว่าไม่เห็นยากเลยฉันทำได้ หลังจากคำพูดนั้นเราก็ไม่มีความประมาทนั้นเลยเพราะเมื่อเราทำงานแล้วมันผ่านไปแล้วมันจะแก้ไขไม่ได้

 

 

ถาม นอกเหนือจากความประมาทในงานที่กลัวแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่กลัวมากคือ เรื่องแต่งงาน บอกว่าคือ อาถรรพ์ ของวงคืออะไรเอ่ย แต่ที่บอกว่ากลัวการแต่งงานแต่ก็ไม่ใช่ไม่มีแฟนมีแฟน แต่ทำไมถึงกลัว
กิ๊ฟซ่า : มีแฟนๆค่ะ คนนี้คบกันมา 13 ปี แล้วค่ะ ที่คบกันมาแต่ถามว่ามีคุยเรื่องการแต่งงานกันไหมก็มีคุยกันบ้างค่ะ เราก็มีความตอนแรกๆช่วงที่คบกันมา 6-7 ปี เราก็คิดว่าเราจะแต่งช่วง 32 พอใกล้ๆถึงเราก็คิดว่าหรือจะ 34 พอผ่าน 34 เราก็ยังไม่ได้คิดเลย แต่ กิ๊ฟ ว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แฟนเราเขารู้สึกมั่นคงเพียงพอแล้ว น่าจะมีข่าวดีค่ะ

ถาม ก็เรียกว่าเป็นเรื่องราวที่รอข่าวดี ซึ่งตอนนี้นอกจากจะรับงานแสดงแล้วยังเป็นคุณครูสอนขี่จักรยานอีกด้วยอยู่ที่ไหน
กิ๊ฟซ่า : เป็นสถานที่ออกกำลังกายของ เอมมี่ มรกต นั่นเอง กิ๊ฟ ก็จะเป็นเทรนนิ่งที่นี่ค่ะ

สามารถชมรายการ ต้มยำอมรินทร์ ย้อนหลังได้ทาง ยูทูป : https://youtu.be/giXNiLY-ohY

 

สนใจหาข้อมูลและปรึกษาศัลยกรรมได้ที่นี่

โดดเด่น
ศัลยกรรม
webdodeden

 

เรื่องน่าสนใจ