เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์อุบัติเหตุครั้งร้ายแรง รถตู้ชนกระบะไฟลุกไหม้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 25 ศพ โดยล่าสุด รายการคนอวดผี ได้เชิญ น.ส.วรรษมน เอี่ยมสมบัติ ลูกสาวของคนขับรถตู้ มาออกในรายการ เพื่อตอบคำถามคาใจ เรื่องของดวงวิญญาณ เนื่องจากมีคนมาบอกว่า พบคนจำนวนมากยืนอยู่ที่บริเวณที่เกิดเหตุ
โดยช่วงที่บำเพ็ญกุศลก็มีเพื่อนคุณพ่อมาเล่าว่า มีผู้โดยสารหลายคนที่มาขึ้นรถแล้วผ่านจุดเกิดเหตุ ยังคงเห็นพ่อเราและอีกหลายคนอยู่ในจุดนั้น อยากให้เราไปเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน เราจึงได้ไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณในที่เกิดเหตุแล้ว จากนั้นในการสวดศพคืนที่ 3 คุณยายเดินกลับจากวัดเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่คนที่อยู่ที่บ้าน เห็นพร้อมกันว่าคุณพ่อเดินตามมาส่ง
“ริว จิตสัมผัส” ได้ออกมาระบุว่า ดวงวิญญาณไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว แต่อยู่ที่บริเวณซากรถ ยังมีห่วงในเรื่องของความเป็นธรรม หากสามารถชดใช้ญาติได้อย่างเป็นธรรมก็จะทำให้หมดห่วง หากต้องการให้ไปสู่สุคติ ก็ยินดีช่วยแต่ต้องเชิญญาติผู้เสียทั้งหมดมาด้วย เพื่อให้อโหสิกรรมให้
โดยน.ส.วรรษมน ได้ระบุว่า พ่อเป็นคนรักรถมากจะกินนอนอยู่กับรถตลอดเวลา และรักในอาชีพตัวเองมาก
ทั้งนี้ น.ส.วรรษมน ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ในส่วนคดีความนั้นยังอยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องเอกสาร และยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ แต่เบื้องต้นมีการสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการหลับใน แต่ก็เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ยาก
สำหรับการชดใช้นั้นจะชดใช้เฉพาะในส่วนสมบัติที่พ่อมี ไม่เกี่ยวถึงตัวลูก อย่างไรก็ตามญาติผู้เสียชีวิตอาจจะไม่พอใจที่ทางเราไม่ได้ติดต่อไป ไม่ได้แสดงความเสียใจหรือไปร่วมงาน
แต่ทางเราก็ไม่มีโอกาสเช่นกันเพราะยังโศกเศร้าเสียใจเหมือนกันและต้องจัดงานศพคุณพ่อด้วย แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ พวกตนได้ติดต่อไปทางนิติเวชเพื่อขอรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้งหมด มาเพื่อบำเพ็ญกุสศล ขออโหสิกรรม ไปพร้อม ๆ กับที่จัดให้คุณพ่อแล้ว นั่นคือสิ่งที่เราทำได้
“ในส่วนที่สังคมคิดว่าพ่อของตนเป็นต้นเหตุ ก็คงหนีความรับผิดชอบตรงนี้ไม่ได้ เราไม่สามารถปฏิเสธข้อหานี้ได้เลยตั้งแต่วันที่เราตัดสินใจจะมานั่งในตำแหน่งคนขับ เราต้องรับผิดชอบทุกชีวิตที่อยู่ในรถอยู่แล้ว ถ้าจะให้เราปฏิเสธมันก็ดูจะค้านกับความรู้สึกของสังคม แต่เราเชื่อว่าพ่อเราก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด สิ่งที่สะเทือนใจที่สุดคือคำว่า “ฆาตกร” เธอยอมรับว่ามันเจ็บ และรู้สึกโกรธในตอนนั้น แต่เราก็เข้าใจสังคม เข้าใจคนที่สูญเสียว่ามันรุนแรงกับความรู้สึกเขา แม้คำนี้จะรุนแรงสำหรับเรา แต่เราก็ต้องทนรับมันให้ได้ รู้ดีว่าทุกคนเจ็บปวด แต่ครอบครัวเราก็ชดใช้มันด้วยชีวิตของพ่อเช่นเดียวกัน”