Plastic surgery touching female face

นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การทำศัลยกรรมหน้าเรียว เป็นเพราะหน้าไม่ได้รูปทรง กรามใหญ่ คางยื่น ซึ่งหากต้องการทำศัลยกรรมส่วนใหญ่ต้องไปตัดกระดูกขากรรไกร ซึ่งเป็นโครงสร้างของกระดูก ดังนั้นการทำพวกนี้ถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ ซึ่งในอดีตเวลาผ่าตัดจะใช้มีดผ่าตัดกรีดด้านนอก แต่ปัจจุบันอ้าปากทำจะไม่มีแผลข้างนอกแล้ว

โครงสร้างขากรรไกรบนและขากรรไกร ล่าง เป็นฐานของฟันเกาะหรือยึดอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าจะทำ สิ่งสำคัญคือ ต้องให้ฟันสบกัน เคี้ยวอาหารได้ด้วย ดังนั้นการทำศัลยกรรม หน้าเรียวไม่ใช่คิดจะทำกันก็ทำได้ เพราะมีความยุ่งยาก ซับซ้อน แพทย์ที่จะทำต้องมีคุณสมบัติดังนี้

1. เคยทำศัลยกรรมหน้าเรียวให้คนไข้มาแล้วหลายราย คือ ต้องมีประสบการณ์มานาน

2. ต้องทำโดยคนที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องฟัน เพราะไปเกี่ยวกับโครง สร้างฟัน ทำเสร็จแล้ว ต้องทำให้ฟันสบกันด้วย

3. เป็นการผ่าตัดที่ทำแล้วจะต้องใส่ท่อดมยาสลบ

4. ต้องทำในโรงพยาบาลจึงจะปลอดภัย

5. ทำแล้วต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลจนกว่าจะปลอดภัย เพราะการผ่าตัดต้องอ้าปาก อาจทำให้ลิ้นบวม คอบวม แล้วอุดตันทำให้หายใจไม่ออก เป็นเหตุของการเสียชีวิตได้ ในอดีตเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ตอนเริ่มทำกันใหม่ ๆ จะมีแพทย์หลายคนหลายแขนงมาทำกันมาก อาจทำให้มีผู้เสียชีวิต หายใจไม่ออกต้องเจาะคอด้านหน้าบางคนกินอาหารไม่ได้ต้องใช้หลอดแยงจมูกแล้วให้อาหารทางท่อ บางรายหน้าบวม ดังนั้นการเสียชีวิตของคนไข้ที่มาทำหน้าเรียวอาจจะไม่ได้เกิดจากการดมยาสลบ แต่อาจเกิดจากหายใจไม่ออก

6. คนที่ทำหน้าเรียว ควรเป็นทันตแพทย์เท่านั้น แล้วจะปลอดภัย ไม่ใช่ศัลยแพทย์ตกแต่ง เพราะปัจจุบันทันตแพทย์ไปฝึกที่ประเทศเยอรมนี กลับมาทำได้ดีที่สุด ทันตแพทย์ที่เหลาคางจะมี 2 ปริญญา คือ แพทยศาสตรบัณฑิต และทันตแพทยศาสตรบัณฑิต คนที่ไปเรียนต่อประเทศเยอรมนี ไปเรียนเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมช่องปากและกระดูกบริเวณใบหน้า ซึ่งประเทศไทยมีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ประมาณ 20 กว่าคน แต่คนไข้ที่ต้องการเหลาคางไม่รู้ข้อมูลตรงนี้ ก็จะไปหาแพทย์หู คอ จมูก ศัลยกรรมทั่วไป ศัลยกรรมตกแต่ง หรือ ศัลยกรรมอุบัติเหตุ

ตอนนี้ผู้ให้บริการหน้าเรียวมีเยอะมาก ซึ่งคนไข้จำนวนมากที่ทำแล้วอาจเกิดผลกระทบตามมา เช่น ปากเบี้ยว พูดไม่ได้ ฟันไม่สบกัน บางคนหายใจไม่ออกหลายวันแพทย์ที่ชำนาญจริง ๆ มี 20 กว่าคน ดังนั้นเวลาที่มีคนไข้ต้องการเหลาคางมาหา ผมจะแนะนำให้ไปพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญและทำเรื่องนี้โดยตรง เพราะจะมีความปลอดภัยมากกว่า

 

ขอบคุณเนื้อหาจาก เดลินิวส์ 

เรื่องน่าสนใจ