เป็นข่าวโด่งดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไก่ของชาวบ้านในตำบลท่าช้าง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตายอย่างปริศนาจำนวนมาก ลักษณะการตายของไก่ พบว่ามีร่องรอยเขี้ยวของสัตว์ไม่ทราบชนิด หลายตัวถูกควักล้วงกินเครื่องใน…!?!? กองสุมรวมกันตายอย่างชวนสยดสยอง
โดยชาวบ้านส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือของ ผีปอบ ผีกระสือ ที่แอบเข้ามากินไก่…!!!! ทำให้ชาวบ้านชวนกันหวาดผวา ตกเย็นพากันปิดบ้านเงียบ บางบ้านซื้อกระโถนมาไว้ใช้ปลดทุกข์ในห้องนอน เพราะตกดึกไม่กล้าออกไปเข้าห้องน้ำ นอกจากนั้นบ้านที่เลี้ยงไก่ก็ได้นำผ้ายันต์มาปิดรอบเล้าไก่เพื่อป้องกันผีปอบ และยังติดป้ายปากทางเข้าบ้านว่า “บ้านนี้ไม่มีไก่” หลอกผีปอบไว้ด้วย วันนี้เราจะไปหาคำตอบมาให้ผู้อ่านได้ติดตามว่า แท้จริงแล้ว… เป็นฝีมือของสัตว์หรือผีกันแน่…?
ไก่กว่าร้อยตายปริศนา !!!
ทีมข่าวฯ ติดต่อไปยัง นายจาตุรนต์ พลราช ปศุสัตว์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ได้ลงพื้นที่สำรวจพบว่า เหตุการณ์ไก่ตายปริศนาจำนวนมากนี้ จุดแรกเป็นไก่ของ คุณธีรยุทธ์ ปิ่นรัตน์ อายุ 45 ปี ครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ครั้งที่ 2 วันที่ 18 กันยายน และครั้งที่ 3 วันที่ 25 กันยายน รวมกันมีไก่ตายประมาณ 80 ตัว
ต่อมาในช่วงวันที่ 2-3 ตุลาคม ไก่ของลุงบุญสืบ ตายปริศนาประมาณ 6 ตัว และไก่ของป้าจำนง เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันก็ดับปริศนาจำนวน 9 ตัว ลักษณะกัดแล้วกองทิ้งไว้ บางส่วนของเครื่องในโดนแทะกิน แต่มีหนึ่งตัวรอดชีวิต ตรวจสอบพบรอยเขี้ยวคล้ายฟันสุนัขที่บริเวณหลังและก้นของไก่ แต่อย่างไรก็ตามจุดนี้เป็นจุดที่ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นฝีมือของผีปอบ
ยังคงหาคำตอบของปริศนาไก่ตายไม่ได้ ไก่ของลุงสัมฤทธิ์ แต่งอ่อน อายุ 60 ปี ก็ดันตายเพิ่มอีก โดยครั้งแรกจับได้ว่าเป็นสุนัขกัดจำนวน 3 ตัว ส่วนครั้งที่ 2 เหตุเกิดประมาณตี 1 คนข้างบ้านเล่าว่าได้ยินเสียงดังที่เล้าไก่อยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า แต่ไม่กล้าลุกไปดู เช้ามาปรากฏว่าไก่ของลุงสัมฤทธิ์ตายยกเล้ากว่า 20 ตัว
ปศุสัตว์ยัน ไก่ตายนับร้อยฝีมือสุนัข !?
นายจาตุรนต์ เปิดเผยกับทีมข่าวฯ ว่า จากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบไก่ และซากไก่ที่ตายของชาวบ้าน จากลักษณะแผลตามร่างกายของไก่ มีสภาพเป็นแผลเหวอะหวะ คอขาด เนื้อฉีก และมีรอยเขี้ยว ซึ่งตรวจสอบพบว่าเป็นรอยเขี้ยวของสุนัขชัดเจน ทั้งนี้ ไก่ที่ตายไม่ได้ถูกกินเครื่องในทุกตัว เพียงแต่ว่าไก่ที่ตายบางตัวจะมีเครื่องในออกมา สุนัขจะแทะตรงไส้หรือเครื่องใน เนื่องจากมีกลิ่นคาว ส่วนสาเหตุที่ไก่ตายกองรวมกัน เนื่องจากสุนัขกัดในเล้า ซึ่งออกไปไหนไม่ได้ ซากไก่ที่ตายจึงมีลักษณะตายกองรวมกันในเล้า
“การเลี้ยงไก่ของชาวบ้าน จะเลี้ยงใต้ถุนบ้าน มันไม่มีรั้ว สุนัขที่เลี้ยงตามชนบทก็วิ่งไปวิ่งมาได้หมด สุนัขที่เราเลี้ยงกันอยู่เป็นสัตว์ที่พัฒนามาจากสัตว์ป่า มีนิสัยชอบกัดไก่ โดยจะใช้จมูกในการดมกลิ่นหาเหยื่อ ไก่เคลื่อนไหวช้าในตอนกลางคืน ถ้าไม่เห็นหรือมาไล่ สุนัขก็จะไล่กัดตายทั้งหมด โดยจะไม่กิน แค่กัดให้ตาย ถ้าได้กัดครั้งหนึ่งแล้วก็จะติดใจ เป็นที่รู้กันดีสำหรับคนเลี้ยงไก่ชนหรือไก่พื้นเมือง ศัตรูของไก่ตัวแรกเลยก็คือ สุนัข ซึ่งเหตุการณ์สุนัขกัดไก่เกิดขึ้นเป็นประจำในท้องถิ่นชนบท” นายจาตุรนต์ กล่าว
ติดกล้องอินฟราเรด ไร้เงาผีปอบ พบดวงไฟลี้ลับ !?!?
แม้จะมีการยืนยันจากปศุสัตว์ว่า สาเหตุของไก่ที่ตายมาจากสุนัข ก็ไม่ได้ทำให้ชาวบ้านบางส่วนเชื่อเช่นนั้น แต่ยังคงมีความเชื่อว่าเป็นผีปอบที่ฆ่าไก่ กรมอุทยานจึงนำกล้องอินฟราเรดมาติดที่เล้าไก่ของชาวบ้าน ซึ่งไม่พบภาพยืนยันว่าสิ่งใดเข้ามากัดไก่ของชาวบ้าน แต่ในขณะเดียวกันกลับพบเป็นดวงไฟลอยอยู่ริมแม่น้ำฝั่งตรงข้ามแทน เป็นเหตุทำให้ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นสิ่งลึกลับเข้ามากัดไก่
นายจาตุรนต์ กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า สังคมของ จ.อยุธยา บริเวณนั้นมีความเชื่อเรื่อง ผีปอบ ผีกระสือ มาตั้งแต่โบราณ ทางกรมอุทยานเอากล้องมาติด แล้วมีการพบเห็นดวงไฟลึกลับตามที่เป็นข่าวออกไปนั้น ตนก็บอกไม่ได้ว่าคือดวงไฟอะไร เพียงแต่ว่าฝังตรงข้ามนั้นเป็นบ้านคน มีต้นไม้รก ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นไฟฉายของคนที่เดินในตอนกลางคืน
ตำนานผีปอบ! ความเชื่อจากอดีตสู่ปัจจุบัน
ด้าน รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงเรื่องราวลี้ลับของผีปอบในเชิงวิทยาศาสตร์ว่า ยังไม่เคยมีบันทึกหลักฐาน ไม่เคยมีใครถ่ายรูปลักษณะของผีปอบว่าเป็นอย่างไร โดยตามหลักวิทยาศาสตร์ การจะเชื่อว่ามีจริงต้องเกิดจากการพิสูจน์ เมื่อไม่มีหลักฐานให้พิสูจน์ ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ผีปอบจึงไม่มีอยู่จริงเลยในเชิงวิทยาศาสตร์ เพียงแต่ว่าเรื่องราวของผีปอบเป็นสิ่งที่ถูกแต่งขึ้นมาจากคนสมัยโบราณ ต่อมามีการสร้างเป็นภาพยนตร์ จึงทำให้คนกลัวและจดจำ
“ตามความเชื่อทางด้านภาคอีสาน ที่เขาว่ากันว่าในหมู่บ้านหนึ่งมีผีปอบเข้ามา แล้วมาอยู่กับคนนู้นคนนี้ ทำให้มีการขับไล่บุคคลนั้นออกไป ในทางสังคมศาสตร์ซึ่งไม่ใช่วิทยาศาสตร์อธิบายได้ว่า เป็นกระบวนการทางสังคมสมัยก่อน ที่เห็นบุคคลนี้ดูหน้าตาแล้วไม่น่าไว้วางใจ หรือว่าบุคคลนั้นดูแล้วอาจจะมีโรคบางอย่าง ที่ดูแล้วอาจมีอาการคลุ้มคลั่ง ก็ไล่ออกจากหมู่บ้านไป” รศ.ดร.เจษฎา กล่าว
ผีเข้า หรือ อุปาทานหมู่ !?
นอกจากนี้ รศ.ดร.เจษฎา กล่าวต่อว่า ในเรื่องของอาการผีเข้า เป็นสภาวะทางจิตมากกว่าสภาวะของวิญญาณที่แฝงเข้ามาในร่างกาย เช่นว่า การไปรับน้อง แล้วมีคนเล่าว่าที่นี่มีวิญญาณ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีความเครียด ความกดดันที่เกิดขึ้นในการรับน้อง ไม่ว่าจะหิวข้าวหรืออากาศร้อน จะทำให้จิตใจอ่อนแอลงไป แล้วเกิดอาการทางจิตขึ้นมาได้ ไม่ต่างอะไรกับการที่ไปดูพิธีเข้าทรงต่างๆ แล้วลุกขึ้นมาเต้น ในเชิงจิตวิทยาศาสตร์อธิบายว่าเป็นเรื่องของอุปาทานหมู่ เป็นลักษณะในเรื่องของจิตใจ ไม่ได้อธิบายว่าตัวอะไรเข้ามาอยู่ในร่างกายแต่อย่างใด และพบว่าผู้หญิงจะเป็นง่ายกว่าผู้ชายด้วย แสดงให้เห็นว่าจิตใจผู้หญิงจะอ่อนแอกว่าผู้ชาย
”หากผมบอกคุณว่าผมเห็นโดราเอมอนมา แล้วผมบอกคุณให้เชื่อว่าผมเห็นโดราเอมอน คุณจะเชื่อผมไหม?” รศ.ดร.เจษฎา กล่าวทีเล่นทีจริงกับทีมข่าวฯ แน่นอนว่าทีมข่าวฯ ตอบกลับไปว่า ไม่เชื่อ! รศ.ดร.เจษฎา จึงอธิบายต่อว่า “ผมก็ต้องมีหน้าที่พิสูจน์ให้เห็นว่าโดราเอมอนเป็นอย่างไร หน้าตาเป็นอย่างไร แล้วเอามาให้คุณดู ฉะนั้นหมายถึงเราแค่เชื่อคำพูดของคนที่พูดถึงโดราเอมอน ไม่ต่างอะไรกับคนที่พูดถึงผีปอบ นิยามของผีในแต่ละคนก็แตกต่างกันไป แต่ละที่ แต่ละประเทศในโลกก็ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นเป็นหน้าที่ของคนที่เชื่อว่ามีจริง แล้วมาพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น” รศ.ดร.เจษฎา กล่าว
เรื่องราวชวนผวาของผีปอบ ผีกระสือ ออกอาละวาด ฆ่ากัดกินสัตว์ของชาวบ้าน จะเห็นอยู่ในสังคมไทยร่ำไป แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวลี้ลับที่ไม่เคยมีใครสามารถหาคำอธิบายได้ แม้แต่ในทางวิทยาศาสตร์ จะมีปัจจัยสำคัญเพียงเรื่องที่เล่าต่อกันมา และเป็นความเชื่อเท่านั้น.