ในซับเซตของอาหารญี่ปุ่นที่มีให้เลือกทานหลายชนิดอย่าง “ซูชิ” คงต้องยอมรับว่า “มากิซูชิ” เป็นซูชิที่เต็มไปด้วยความหลากหลายมากที่สุด เพราะด้วยรูปลักษณ์ของการโรลและใส่ไส้ได้เป็นชั้น ๆ จึงทำให้ซูชิม้วนข้าวชนิดนี้ที่ปกติคนญี่ปุ่นจะทานสไตล์ต้นตำรับ มีคุณสมบัติเปิดกว้างให้พ่อครัวซูชิทั่วโลกดีไซน์เมนูได้แบบเต็มที่
“สตาร์ เชฟส์ 2014 (มากิ แชมเปี้ยน)” ร้านอาหารน้องใหม่ในเครือ “เอส คอมพานี” มองเห็นลู่ทางของการสร้างความแตกต่างทางเมนูอาหาร จึงตัดสินใจหยิบมากิซูชิมาออกแบบใหม่ ให้กลายเป็นจุดขายหลักของร้านอาหารญี่ปุ่นฟิวชั่นสไตล์ โดยมี “ยาสึจิ โมริซูมิ” เชฟระดับมิชลินสตาร์และผู้ชนะเลิศทีวีแชมเปี้ยนจากญี่ปุ่น มารับรองความอร่อยทุกเมนูที่เสิร์ฟในร้าน
ก่อนจะไปว่ากันถึงเรื่องอาหาร ลองมาดูหน้าตาของร้านสตาร์ เชฟส์ฯ ที่มีอยู่ 2 สาขา บริเวณ “เดอะ ไนน์ พระราม 9” กับ “เทอร์มินอล 21” ว่ามีการออกแบบตกแต่งเช่นไร หากมองจากภายนอกแบบผ่าน ๆ ร้านสตาร์ เชฟส์ฯ ที่โดนห่อหุ้มไปด้วยสีฟ้าเข้ม ไม่ค่อยเหมือนกับร้านอาหารญี่ปุ่นสักเท่าไรนัก เพราะการดีไซน์หน้าตาค่อนข้างโมเดิร์นไปสักหน่อย แต่ถ้าหยุดยืนมองให้ดีจะเห็นว่ามีความเป็นญี่ปุ่นใส่อยู่ไม่น้อย จากการนำผ้ามัดย้อมชิโบริ มาเป็นแรงบันดาลใจ จนได้ออกมาเป็นส่วนผสมของ “เจแปนนิส อินดิโก้” และ “อเมริกัน ลอฟท์” ที่ให้ความรู้สึกร่วมสมัยอยู่ในที่เดียวกัน
เมื่อเข้ามานั่งภายในร้านแล้ว เมนูแรกที่อยากแนะนำ คือ “ชินคันเซ็น” เมนูมากิซูชิรวมมิตรที่ขายดีเป็นอันดับหนึ่ง ที่ปกติกำหนดให้ขายวันละ 2 รอบ (12.00-14.00 น. กับ 18.00-22.00 น.) แต่ด้วยความที่ได้รับความสนใจมาก จึงถูกนำมาขายตลอดทั้งวันแทน จากการนำมากิซูชิ 12 ชนิดของร้าน มาเรียงตัวกันเป็นทรงรถไฟชินคันเซ็น
เริ่มจากหัวขบวนอย่าง “มากิทูน่า” ที่ไม่มีให้สั่งจากเมนูปกติของร้าน ตามมาด้วย “อุนางิมัทชะมากิ” มากิซูชิไส้ปลาไหล ที่นำข้าวซูชิมาคลุกเคล้าผงชาเขียวราดซอส โรยด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ฝานบาง ๆ ซึ่งทำให้ได้รสชาติกลมกล่อมเคี้ยวเพลิน เหมาะกับคนรักชาเขียวมากทีเดียว
มากิขบวนสาม คือ “ดับเบิลโอเชียน” มากิซูชิไส้ปลาทูน่าสด คลุกด้วยปลาคัตสึโอะทอดราดซอสญี่ปุ่น มากิตอนสี่ ได้แก่ “คริสปี้ แซลมอน” มากิไส้ปลาแซลมอนสดกับปูอัด โรยหน้าด้วยเกร็ดเทมปุระราดซอสสไปซี่ ทำให้มีรสชาติเผ็ดเล็ก ๆ ที่ปลายลิ้นเคี้ยวเพลิน
ขบวนห้า คือ “สไปเดอร์ เคอร์รี่” มากิซูชิไส้ปูนิ่มเทมปุระราดด้วยซอสแกงกะหรี่ ที่ใครชื่นชอบแกงกะหรี่ญี่ปุ่นยิ่งไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ขบวนหก เป็น”เอบิ ลาวา” มากิซูชิไส้กุ้งราดซอสมันกุ้งรสชาติกลมกล่อม ยิ่งเมื่อทานคู่กับรากบัวทอดที่วางไว้ด้านบน ก็ยิ่งเพิ่มความอร่อยได้เป็นเท่าตัว
ขบวนเจ็ด ได้แก่ “เซซามิ อุนางิ” มากิซูชิไส้ปลาไหลย่างโปะหน้าปลาไหลย่างอีกชั้น ราดซอสงาดำ ขบวนแปด คือ “แซลมอน มิโซะ” มากิซูชิไส้ผักโขมคลุมด้วยแซลมอนเบิร์น ราดมิรันมิโซะซอส ขบวนเก้า เป็น “เอบิ สไปซี่” มากิซูชิไส้กุ้งเทมปุระคลุกเกร็ดเทมปุระ ราดด้วยซอสสไปซี่ ซึ่งเป็นการผสมผสานความเผ็ดและกรุบกรอบได้อย่างลงตัว
ขบวนสิบ คือ “ออริจิน” มากิซูชิสูตรต้นตำรับ ขบวนสิบเอ็ด เป็น “ริบส์ เอ็น โรลล์” มากิซูชิไส้ซี่โครงหมูท็อปด้วยสับปะรดย่างราดบาร์บีคิวซอสรสเผ็ด ที่เหมาะกับการทานเป็นอาหารมื้อหลักเป็นอย่างมาก และขบวนปิดท้าย ได้แก่ “ออลสตาร์” มากิซูชิ 4 รสที่คัดมาแค่มากิซูชิไส้กุ้งราดซอสแกงกะหรี่
ความจริงแค่ทานชินคันเซ็น 1 ขบวนก็อิ่มอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ดีแนะนำให้ลองชิม “วากิว แมคคาเดเมีย” มากิซูชิไส้อโวคาโดหุ้มด้วยเนื้อวากิวย่างและแมคคาเดเมียอบ ราดซอสญี่ปุ่นสูตรดั้งเดิม ที่ให้ความรู้สึกของเนื้อวากิวนุ่ม ๆ อย่างเต็มปากเต็มคำ ตัดสลับกับแมคคาเดเมียที่เคี้ยวสนุกกลมกล่อม หรืออาจจะสั่งมากิซูชิในชินคันเซ็นมาทานแบบแยกขบวนก็ได้ ไม่มีใครว่ากัน
สำหรับคนที่ต้องการของหวานมาล้างปาก เราขอแนะนำ “ฮอกไกโด ไลท์ ชีส ซากุระ มากิ” มากิซูชิไส้ครีมชีสเคลือบด้วยซากุระชีส ราดด้วยซอสสตรอว์เบอรี่ ปิดท้ายด้วยรสเปรี้ยวอ่อน ๆ ช่วยให้จบมื้ออาหารได้อย่างลงตัว