เนื้อหาโดย Dodeden.com

เมื่อพูดถึง “ตับ” หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าตับนั้นเป็นอวัยวะภายในที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกายคนเรา คือมีน้ำหนักมากกว่า 1 กิโลกรัม อยู่ในท้องส่วนบนทางด้านขวา โดยมีหน้าที่สําคัญ 2 อย่างดังนี้ค่ะ

เป็นแบตเตอรี่ของร่างกาย
เพื่อสะสมพลังงาน แล้วส่งพลังงานเหล่านั้นไปเลี้ยงอวัยวะทั่วทั้งร่างกาย

เป็นโรงงานกำจัดขยะ
โตยจะคอยกําจัดสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย เพราะฉะนั้น ถ้าตับพัง ร่างกายก็จะไม่มีพลังงาน จะส่งผลให้เกิดอาการเพลีย หมดแรง หมดสติ และยังจะทําให้ร่างกายไม่สามารถกําจัดขยะของเสียออกไปได้ หากของเสียคั่งก็จะส่งผลทําให้มีอาการซึม สับสน คันตามร่างกาย บวม และอาเจียนเป็นเลือด เป็นต้น

สาเหตุหลักของการเกิดปัญหาโรคตับ คือเกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบซึ่งมีหลายชนิด ไวรัสตับอักเสบเอและอี ติตต่อผ่านทางอาหารและน้ำที่ไม่สะอาด ส่วน เชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี ติตต่อได้ทางการสัมผัสกับเลือดของผู้ที่เป็นพาหะ เช่น การถ่ายเลือด การใช้ของมีคมร่วมกัน การติดจากเเม่สู่เด็กทารกขณะคลอต ซึ่งในบ้านเราถือว่ามีจํานวนผู้ป่วยโรคตับเพิ่มขึ้นสูงอยู่เรื่อยๆ คือในคนไทยทุกๆ 12 – 15 คน ต้องมี 1 คนที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบซ่อนอยู่

โรคตับเป็นโรคที่พบได้บ่อย ตัวอย่างโรคที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ คือ มะเร็งตับ, ตับแข็ง, ตับอักเสบเรื้อรัง, ตับอักเสบเฉียบพลัน, ก้อนเนื้องอกในตับ และถุงน้ำในตับ ซึ่งโรคตับที่พบได้บ่อยในคนไทยก็คือ โรคตับอักเสบเรื้อรัง โดยที่เจ้าตัวมักไม่รู้ว่าเป็นโรคนี้อยู่ เนื่องจากไม่มีอาการที่แสดงออกมา เว้นแต่มีภาวะตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะเหลืองเข้ม นอนไม่หลับ หรือง่วงหลับในเวลากลางวัน เบื่ออาหาร ท้องอืดท้องเฟ้อ

ดังนั้นใครก็ตามเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีอาการตามที่กล่าวมา ต้องบอกเลยว่าอย่ามองข้ามและอย่าชะล่าใจ เพราะอาการเหล่านี้หากคุณปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบตรวจ หรือ ทําการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ อาจจะส่งผลให้ตัวคุณมีคุณภาพชีวิตที่ลดน้อยถอยลงได้

สําหรับการตรวจวินิจฉัยโรคตับสามารถทําได้หลายวิธี เช่น การตรวจเลือต, ตรวจค่าการทํางานของตับ, ซักประวัติ, ตรวจร่างกายเพื่อดูในเบื้องต้นว่ามีปัญหา เรื่องตับหรือไม่ ยิ่งใครที่ตอนเด็กๆ มีโรคดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือใครที่มีญาติพี่น้องเป็นมะเร็งตับ ตับแข็ง หรือมีพาหะไวรัสตับอักเสบบี คนกลุ่มนี้ควรที่จะได้รับการตรวจอย่างละเอียตว่ามีโรคตับช่อนอยู่หรือไม่

แต่วิธีการตรวจอีกหนึ่งวิธีที่โรงพยาบาลบางแห่งใช้กัน คือเครื่องมือที่สามารถตรวจวัดพังผืดและวัดปริมาณไขมันได้ ซึ่งวิธีการตรวจก็ทําได้ง่ายๆ ไม่เจ็บตัว เพียงแค่นําเครื่องตรวจไปวางไว้เหนือบริเวณตับประมาณ 5 นาที ก็จะสามารถบอกไต้แล้วว่าตับมีพังผืดหรือไม่ ถ้าหากตรวจพบว่าเป็นโรคตับ แน่นอนว่า ปัจจุบันก็มีตัวยาที่ดี และสามารถรักษาให้หายขาตได้ด้วยเช่นกัน

ป้ายกำกับ: |

เรื่องน่าสนใจ