คลั่งหนัก สาวมะกัน ศัลยกรรม เหมือนเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์!

เรื่องผู้หญิงอยากดูเหมือนดารา จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก สาว ๆ ในบ้านเราที่ศัลยกรรมโดยยึดดาราขวัญใจเป็นต้นแบบก็มีออกเยอะแยะไป งั้นคราวนี้ลองเปลี่ยนขั้วมาดูผู้หญิงเมืองฝรั่งกันบ้าง คราวนี้เป็น คิตตี้ คุณแม่ลูกหนึ่ง วัย 30 ปี จากเมืองฮูสตัน รัฐเทกซัส สหรัฐฯ ที่ลงทุนศัลยกรรมถึง 6 ประเภท มูลค่า 25,000 ดอลลาร์ หรือราว 750,000 บาท เพื่อทำตัวเองให้เหมือนกับนักแสดงฮอลลีวูดสาวจอมเปิ่น เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ให้ได้

เรื่องราวของคิตตี้ กลายเป็นสกู๊ปพิเศษของรายการ Nightlline ทางสถานีโทรทัศน์ abc ของสหรัฐฯ ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมา คิตตี้บอกว่า เธอชื่นชอบ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ มาก และไม่ได้ชอบเฉพาะหน้าตา แต่ยังชอบนิสัยเปิ่น ๆ กับความกล้าบ้าบิ่นของดาราสาวอารมณ์ดีคนนี้ด้วย ประกอบกับก่อนหน้านี้ก็มีหลายคนมาทักว่าหน้าตาเธอดูคล้ายกับ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ อยู่แล้ว จึงยิ่งเป็นแรงผลักดันให้เธออยากทำตัวเองให้ดูเหมือนกับดาราคนโปรดมากยิ่งขึ้นไปอีก

คิตตี้ มองดูตัวเองในกระจกเปรียบเทียบกับรูปของดาราสาวแล้ว ก็รู้สึกว่าเธอมีส่วนคล้ายดาราสาวเจ้าของรางวัลออสการ์จริง ๆ เพียงแต่ใบหน้าของเจนนิเฟอร์ดูจะได้รูปสวยกว่าเท่านั้นเอง และแล้วเธอก็ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการศัลยกรรมกับ นายแพทย์แฟรงคลิน โรส ศัลยแพทย์มือดีของเทกซัส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยขึ้นเขียงผ่านการศัลยกรมทั้งสิ้น 6 ประเภท ทั้งดูดไขมันส่วนใบหน้า และลำตัว ทำหน้าอก แก้ไขรูปจมูก รวมทั้งการปลูกถ่ายไขมันไปยังแก้ม และสะโพก เพื่อให้ดูมีวอลลุ่มสวยงามมากขึ้น

เมื่อกระบวนการผ่าตัด 6 ชั่วโมงสิ้นสุดลง บวกกับระยะเวลาพักฟื้นอีก 6 สัปดาห์ คิตตี้ก็เผยโฉมใหม่ในรูปร่างหน้าตาที่ดูคล้ายคลึงกับเจนนิเฟอร์ ดาราคนโปรดมากขึ้น ซึ่งเธอก็พึงพอใจกับผลการศัลยกรรมเป็นอย่างมาก

“เมื่อก่อนฉันว่าฉันดูคล้ายเจนนิเฟอร์อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ฉันยิ่งดูเหมือนเธอเข้าไปใหญ่ มันดูสวยได้รูปกว่าเดิมเยอะเลย” นางคิตตี้ กล่าว

ทางด้านนายแพทย์แฟรงคลิน ผู้ลงมือทำศัลยกรรมให้กับคิตตี้บอกว่า มีคนไข้ไม่น้อยที่มาพบเขาพร้อมกับความปรารถนาอยากจะเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนดาราคนนั้นคนนี้ บ้างอยากได้ริมฝีปากเหมือนแอนเจลินา โจลี บ้างก็อยากมีหน้าอกแบบเมแกน ฟ็อกซ์ หรือไม่ก็สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน แต่เขาก็บอกกับคนไข้เสมอว่า มันจะดีที่สุดถ้าคุณพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น แม้ว่าจะไม่ค่อยมีผลต่อการตัดสินใจของคนไข้นักก็ตาม