เกิดเหตุดินถล่มในเหมืองหยกของเมียนมาร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบร้อยราย ขณะที่ยังมีผู้ติดอยู่ใต้ชั้นดินที่ถล่มอีกนับร้อยคน ทำให้เกิดคำถามถึงมาตรฐานความปลอดภัยของคนงานเหมืองในประเทศ
เหตุดินถล่มในครั้งนี้เกิดขึ้นในบริเวณค่ายพักคนงานเหมืองหยกในรัฐกะฉิ่น ซึ่งเป็นรัฐของกลุ่มชาติพันธุ์ทางตอนเหนือของเมียนมาร์ ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ (22 พ.ย. 58) แต่การช่วยเหลือผู้ประสบภัยยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า จนถึงขณะนี้มีร่างของผู้เสียชีวิตถูกนำออกมาจากซากปรักหักพังของเขตที่ดินถล่มแล้วอย่างน้อย 91 ราย แต่คาดว่ายังมีผู้ติดอยู่อีกประมาณ 100 คน ซึ่งคาดว่าส่วนใหญ่น่าจะเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากเวลาผ่านไปแล้วกว่า 15 ชั่วโมง
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเปิดเผยกับสำนักข่าวดีวีบีของเมียนมาร์ว่าเหมืองที่เกิดเหตุดินถล่มเป็นเหมืองของบริษัททริปเปิล วัน เจดไมนิง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยเรื่องนี้ต่อสื่อมวลชน
รัฐกะฉิ่นเป็นแหล่งหยกที่มีคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ประเมินว่ามูลค่าการค้าหยกในเมียนมาร์แต่ละปี สูงถึง 31,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยหยกเกือบทั้งหมดถูกลักลอบขนข้ามแดนไปยังพ่อค้าหยกในประเทศจีน ที่ซึ่งมีความต้องการหยกสูงมาก
อย่างไรก็ตาม คุณภาพชีวิตของแรงงานเหมืองหยกกลับไม่ได้รับการดูแล แรงงานทั้งหมดได้ค่าแรงเพียงน้อยนิด และต้องทำงานใต้ความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะการต้องอาศัยอยู่รอบๆเหมือง ซึ่งเต็มไปด้วยซากหินและดินที่ยุบตัวได้ง่ายเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกระเบิดหรือขุดเจาะเพื่อหาหยก
