สหมงคลฟิล์มนำความรู้เกี่ยวกับ เปรต มานำเสนอ เพื่อให้เห็นว่า ความเชื่อเหล่านี้มีอยู่ในหลายๆประเทศ หลังจากหนังเรื่อง อาบัติ ถูกแบน ซึ่งฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้มีการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ เปรต ด้วย
หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง อาบัติ ถูกแบน ซึ่งฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้มีการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ เปรต ด้วย บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จึงได้นำความรู้เกี่ยวกับ เปรตมานำเสนอ เพื่อให้เห็นว่า ความเชื่อเหล่านี้มีอยู่ในหลายๆประเทศ ซึ่ง เปรต หมายถึงผี ตามความเชื่อในหลายศาสนาทั้ง ศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู ศาสนาซิกข์ และศาสนาเชน และคำว่า เปรต แปลว่า ผู้ล่วงลับ
ในทางศาสนาพุทธหมายถึง อมนุษย์พวกหนึ่งที่เกิดในเปตวิสัยซึ่งเป็น 1 ใน 4 อบายภูมิ เปรตมีหลายประเภท เช่นประเภทหนึ่งเรียกว่า ปรทัตตูปชีวิเปรต คือเปรตที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยส่วนบุญที่มีผู้ทำอุทิศให้ หากไม่มีส่วนบุญที่มีผู้อุทิศให้ก็มักจะกินเลือดและหนองของตัวเองเป็นอาหาร โบราณมีความเชื่อที่ว่า ถ้าใครทำร้ายพ่อแม่ ชาติหน้าจะไปเกิดเป็นผีเปรต ซึ่งการทำพลีกรรมแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว หรือการทำบุญอุทิศไปให้ผู้ตายว่า เปตพลี หรือ บุพเปตพลี
สำหรับประเภทของเปรตมีหลายประเภท เช่น แบ่งตาม เปตวัตถุอรรถกถาได้ 4 ประเภท
แบ่งตาม คัมภีร์โลกบัญญัตติปกรณ์ และ ฉคติทีปนีปกรณ์ได้ 12 ประเภท
ภาพเปรตแบบญี่ปุ่น แสดงให้เห็นว่าความเชื่อเหล่านี้มีอยู่ในหลายๆประเทศ .ภาพจาก วิกิพีเดีย #อาบัติ #Ar_bat
Posted by Sahamongkolfilm International on 12 ตุลาคม 2015
แบ่งตามวินัยและลักขณสังยุตตพระบาลีได้ 21 ประเภท
เปรตตามความเชื่อไทย เป็นผี มีรูปร่างสูงเท่าต้นตาล ผมยาว คอยาว ผอมโซ ผิวดำ ท้องโต มือเท่าใบตาล แต่มีปากเท่ารูเข็ม และเปรตจะหิวอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากกินอะไรไม่ได้ จึงชอบมาขอส่วนบุญในงานบุญต่างๆ ซึ่งเมื่อสะสมบุญได้แล้วเกิดใหม่ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งจากลักษณะนี้ทำให้คำว่า เปรต กลายมาเป็นคำด่าในภาษาไทยที่หมายถึง คนที่อดอยากผอมโซ เที่ยวรบกวนขอเขากิน หรือเมื่อมีใครได้โชคลาภก็เข้ามาขอแบ่งปัน
เป็นความเชื่อแต่ครั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์เกี่ยวกับเรื่องราวของเปรตแห่งวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ที่เล่ากันว่าที่วัดแห่งนี้มักมีเปรตปรากฏกายในเวลากลางคืนเป็นที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ประกอบกับอหิวาตกโรคที่ระบาดจนมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 จนเผาศพแทบไม่ทัน ณ วัดสระเกศ จนมีคำกล่าวคล้องจองกันว่า “แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์”
ส่วนเรื่องเล่าเปรตวัดสุทัศน์ฯ นั้น แท้ที่จริงแล้ว มาจากภาพวาดบนฝาผนังในอุโบสถ ที่เป็นรูปเปรตตนหนึ่งนอนพาดกายอยู่ และมีพระสงฆ์ยืนพิจารณาอยู่ ซึ่งภาพนี้มีชื่อเสียงมากในสมัยอดีต เป็นที่เลื่องลือกันของผู้ที่ไปที่วัดแห่งนี้ว่าต้องไปดู และสิ่งที่ผู้คนเห็นว่าเป็นเปรตนั้น ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณวัดแห่งนี้มายาวนานบอกว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นเงาของเสาชิงช้าที่อยู่หน้าวัด ในสายหมอกยามเช้าต่างหาก
ต่อมา เรื่องเปรตวัดสุทัศน์นี้ได้นำมาเขียนเป็นนวนิยาย และทำเป็นละครโทรทัศน์ในปี พ.ศ. 2546 ออกอากาศทางช่อง 7 นำแสดงโดย วรนุช วงษ์สวรรค์ และเอกรัตน์ สารสุข
ด้าน เปรตกู้ เคยปรากฏเป็นข่าวครึกโครมผ่านทางสื่อมวลชนมาครั้งหนึ่ง ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2543 เมื่อทางหนังสือพิมพ์ไทยรัฐลงข่าวหน้าหนึ่งว่า มีผู้บันทึกวิดีโอของเปรตได้ที่ป่าคำชะโนด อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี รวมทั้งปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ในป่าแห่งนี้ได้อีกด้วย เช่น การตักบาตรกับต้นไม้โดยรุกขเทวดาซึ่งจะได้เป็นข้าวมธุปายาส เป็นต้น เมื่อวิดีโอชุดนี้ได้เผยแพร่ออกไป มีบุคคลจำนวนหนึ่งให้ความเชื่อถือ เช่น พ.อ.นพ.พงศักดิ์ ตั้งคณา นักพูดชื่อดัง รวมทั้งพระพยอม กัลยาโณ พระนักเทศน์ชื่อดังเจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เป็นต้น
ต่อมา ความได้ปรากฏว่าแท้ที่จริงแล้ว เรื่องทั้งหมดในเทปวิดีโอนั้น ล้วนแต่เป็นการจัดฉาก โดยบุคคลที่ชื่อ นายกิตติ ประภัสโรบล หรือที่นิยมเรียกกันว่า “อาจารย์กู้” ซึ่งนายกิตติได้มีพฤติกรรมหลอกลวงเช่นนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว โดยในครั้งนี้นายกิตติได้แสดงเป็นเปรตจึงถูกเรียกว่า “เปรตกู้” ต่อมานายกิตติก็ได้ถูกตำรวจที่นำโดย พล.ต.ต.คงเดช ชูศรี จับกุม และถูกศาลพิพากษาให้จำคุกให้ข้อหาหลอกลวงประชาชน เมื่อพ้นโทษออกมาแล้ว นายกิตติได้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่
นอกจากในกลางปี พ.ศ. 2551 ที่จังหวัดลำปาง มีเด็กชายคนหนึ่งตื่นนอนขึ้นมากลางดึก และเห็นสิ่งประหลาดที่มีรูปร่างสูงมากนอกหน้าต่างมุ้งลวดจากห้องนอน จึงได้ถ่ายรูปเก็บไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือ ซึ่งต่อมาเป็นที่โจษจันกันว่าเป็นรูปเปรต แต่เมื่อรายการเรื่องจริงผ่านจอ ทางช่อง 7 ได้ขึ้นไปพิสูจน์ พบว่าเป็นเพียงเงาของเศษผ้าที่อุดมุ้งลวดที่ขาดเท่านั้นเอง