เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่หออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตโรคหัวใจ ชั้น 9 อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ผู้สื่อข่าวเฝ้าติดตามอาการของ “ปอ” ทฤษฎี สหวงษ์ อย่างใกล้ชิด หลังพระเอกดังป่วยเป็นไข้เลือดออก
โดยวันนี้ “อาน้ำอ้อย”ศรมนตรา พิชัยศรแผลง ผู้จัดการส่วนตัวของปอ กล่าวว่า วันนี้ยังไม่ได้คุยกับคณะแพทย์ แต่มีการเอกซเรย์โดยตนคาดว่าน่าจะเป็นการเอกซเรย์ทั่วไป และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะมีข่าวดีเกี่ยวกับปอจริงหรือไม่ อาน้ำอ้อยก็ยิ้มและกล่าวว่าใช่แต่ทั้งนี้ต้องรอคณะแพทย์มาแถลงก่อน
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ชั้น 1 ตึกเดียวกันนี้ มีผู้คนเข้ามาอวยพร ให้กำลังใจพระเอกดังเป็นระยะและเขียนข้อความให้กำลังใจลงในกระดาษที่จัดไว้ให้ไม่ขาดสาย
ต่อมาเวลา 17.40 น. นายสงวน สหวงศ์ บิดาของปอ-ทฤษฎี แถลงต่อผู้สื่อข่าวที่หออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตโรคหัวใจ ชั้น 9 อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ รพ.รามาธิบดี ว่า ปอมีปฏิกิริยาที่ดีหลายอย่าง สามารถรับรู้และสื่อสารกับตน คุณแม่ มะลิและโบว์-แวนด้า แฟนสาวได้ ทำให้แฟนคลับ เพื่อนฝูงพี่น้องและญาติๆ โดยเฉพาะพ่อแม่ก็ใจชื้นและมีความสุขขึ้นมากเมื่อได้ยินดังนี้ โดยวันนี้ปฏิกิริยาของปอก็ดีขึ้นกว่าวันที่ผ่านๆ มา แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้ มีความเข้าใจที่ไม่ตรงกันประเด็นหนึ่ง กรณีย้ายปอไปข้างล่างเพื่อเอกซเรย์เพื่อดูบางอย่างซึ่งอาจจะอยู่ในตัวปออีก ใช้เวลาราว 30 นาที แต่ตนไม่รู้ว่าผลของการเอกซเรย์เป็นอย่างไร ต้องไปถามทางคณะแพทย์ ทั้งนี้ นายสงวนยืนยันว่าเป็นการเอกซเรย์เท่านั้น ไม่มีการผ่าตัดเพิ่มเติมแต่อย่างใด
“ปฏิกิริยาของปอคือ มีการกะพริบตา ลืมตา แขนซ้ายขวาขยับได้ ส่ายหน้า เวลาพ่อแม่ไปพบ เราบอกว่า พ่อมานะ ถ้ารับรู้ขอให้กะพริบตา เขาก็กะพริบ หรือเวลาโบว์ไปหา ถามเขาว่า จำโบว์ได้ไหม ถ้าจำได้ให้กระพริบตา 2 ครั้ง เขาก็กะพริบตา 2 ครั้ง หรือบอกปอว่า อยากให้มะลิเต้นให้ดูไหม เขาก็กะพริบตา นี่เป็นปฏิกิริยาที่ปรากฏ” นายสงวนกล่าว และว่า เหล่านี้เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับร่างกายปอ แม้จะยังออกเสียงไม่ได้แต่ก็ขยับริมฝีปากได้ ทำจมูกบานคล้ายสูดลมหายใจ เป็นต้น
“กรณีที่มะลิต้องมาที่โรงพยาบาลบ่อยๆ เป็นความจำเป็นต้องมาทั้งที่หลายคนห่วง ทางคณะแพทย์ก็เป็นห่วงไม่อยากให้มา ทั้งมีประชาชนโทรศัพท์มาหาตน บอกว่าไม่อยากให้มะลิมา แต่ความจำเป็นคือ เมื่อมะลิมาถึงจะไปพบปอ เรียกพ่อ ซึ่งปอก็รับรู้ มีปฏิกิริยาที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม หมอได้แนะนำให้ใช้วิธีอัดเสียงของมะลิ พ่อ แม่ และโบว์ไปเปิดให้ฟังจะเป็นการดีกว่า เพราะไม่เป็นการนำโรคไปติดปอและมะลิจะได้ไม่มาติดโรคที่โรงพยาบาล ที่สำคัญคืออัดเสียงแล้วให้ปอฟังบ่อยๆ จะดีกว่า เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปยืนนานๆ แต่ถึงอย่างไร ครอบครัวต้องมาเฝ้าปออยู่แล้ว แต่ถามว่าจากนี้มะลิจะมาโรงพยาบาลไหมก็แล้วแต่จังหวะความเหมาะสม” นายสงวนกล่าว และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีพลังใจมากขึ้นไหม นายสงวนก็ยิ้มและว่า ให้ดูจากสีหน้าตนก็คงรู้
ทั้งนี้ นายสงวนเสริมว่า ยังต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อของปออยู่ในห้องซีซียู โดยตนก็เป็นห่วงในเรื่องของการติดเชื้อเช่นกัน จากนั้น เวลา 19.45 น. หลังจากเงียบหายไปทั้งวัน ในที่สุดน้องมะลิ หรือ ด.ญ.พาขวัญ สหวงษ์ ก็ปรากฏตัวในชุดกระโปรง สวมเสื้อคลุมแบบถัก ยิ้ม เล่นทักทายสื่อมวลชนอย่างสดใสเช่นเคย