กรม สบส.ประสาน สสจ.ทั่วประเทศคุมเข้มการลักลอบ ทำแท้ง ในคลินิกทั่วประเทศ ย้ำทุกแห่งต้องปฏิบัติตามกฎหมายหากฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ
รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สั่งการพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ คุมเข้มคลินิกที่เข้าข่ายต้องเฝ้าระวัง 4 ประเภท ให้ปฏิบัติตามกฎหมายสถานพยาบาลและมาตรฐานวิชาชีพ ห้ามให้บริการทำแท้งเด็ดขาด หากพบถือว่ามีความผิดตามกฎหมายสถานพยาบาลมีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ และส่งเรื่องให้สภาวิชาชีพดำเนินการด้านจริยธรรมด้วย
จากกรณี การเผยแพร่คลิปวิดีโอผ่านสื่อโซเชียลถึงบทสนทนาของหญิงตั้งครรภ์กับชายและหญิงสูงอายุคู่หนึ่ง ในลักษณะการขอรับบริการทำแท้งจากชาย-หญิงดังกล่าวนั้น
25 มกราคม 2561 นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า กรม สบส.รู้สึกเป็นห่วงกับปัญหาการลักลอบทำแท้งซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ร่างกายของผู้รับบริการ ทั้งจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น อาการตกเลือด, ติดเชื้อในมดลูก/กระแสโลหิต หรือเกิดปัญหาไตวาย/ตับวายซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิต จึงได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่จากสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ (สพรศ.) ประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศซึ่งได้รับมอบอำนาจจากอธิบดีกรม สบส. ให้คุมเข้มสถานพยาบาลเอกชนทุกแห่งในพื้นที่มิให้มีการลักลอบให้บริการทำแท้งโดยเด็ดขาด
2 หากพบว่าคลินิกแห่งใดมีการลักลอบให้บริการทำแท้ง แพทย์ผู้ดำเนินการจะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานไม่ควบคุมและดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายวิชาชีพนั้นๆ มีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ ส่วนแพทย์ผู้ให้บริการจะส่งเรื่องให้สภาวิชาชีพพิจารณาดำเนินการด้านจริยธรรม ต่อไป
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการ สพรศ, กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยหญิงตั้งครรภ์จะสามารถยุติการตั้งครรภ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อเมื่อแพทย์ลงความเห็นว่ามีความจำเป็น อาทิ มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ-ชีวิตของมารดาหากไม่ยุติการตั้งครรภ์, ผู้เป็นมารดามีอาการผิดปกติทางจิต หรือตั้งครรภ์จากการถูกกระทำชำเรา เป็นต้น ซึ่งจะต้องอยู่ภายใต้การพิจารณาของคณะกรรมการฯ แพทย์ไม่สามารถตัดสินใจได้เพียงลำพัง กรม สบส.จึงขอเน้นย้ำให้คลินิกทั่วประเทศ คุมเข้มมาตรฐานวิชาชีพอย่างเคร่งครัด หากพบแห่งใดมีการฝ่าฝืนจะลงโทษทันทีโดยไม่ละเว้น