เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 19 ธันวาคม 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่เรือ ร่วมกันพาตัว นายโอภาส เจริญวิทย์ อายุ 23 ปี และ น.ส.ณัฐชานันท์ พิทักษ์ชัยกร อายุ 25 ปี แฟนสาว ซึ่งอยู่ระหว่างถูกควบคุมตัวในคดีร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน นำส่งห้องฉุกเฉิน รพ.ตากสิน หลังพบว่าทั้งคู่นัดกันกินยารักษาอาการทางจิตเกินขนาดจนเกิดอาการหมดสติในระหว่างอยู่ในห้องควบคุมผู้ต้องหา
พ.ต.อ.ปพณพัชร์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งคู่เพิ่งตกเป็นข่าวหลังถูกจับกุมคดีที่แอบอ้างตัวเป็นหมอศัลยกรรมเปิดคลินิกให้บริการดูดไขมันส่วนเกิน และเสริมหน้าอก จนมีผู้เสียหาย จำนวน 15 ราย เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางยี่เรือ ให้ดำเนินการออกหมายจับเพื่อติดตามจับกุมเอาไว้ได้เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยระหว่างที่ นายโอภาส และ น.ส.ณัฐชานันท์ ถูกพนักงานสอบสวนสอบปากคำ ทั้งคู่ก็ถูกคุมตัวเอาไว้ที่ห้องควบคุมผู้ต้องหา จนจะครบกำหนดฝากขังที่ศาลเป็นผัดแรกในช่วงสายวันนี้เวลาประมาณ 10.00 น. ปรากฏว่าขณะที่เจ้าหน้าที่สิบเวรควบคุมผู้ต้องหาเข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยตามวงรอบในช่วงเช้า ก็พบว่า ทั้ง นายโอภาส และ น.ส.ณัฐชานันท์ หมดสติ ปลุกอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น สันนิษฐานว่าทั้งคู่น่าจะมีอาการจากการที่กินยารักษาโรคทางประสาทเข้าไปเกินขนาด ตำรวจจึงรีบช่วยเหลือพาตัวมารักษาที่ รพ.ตากสิน อย่างเร่งด่วน
พ.ต.อ.ปพณพัชร์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นแพทย์ที่ให้การรักษาได้ทำการล้างท้อง และให้ยาต้านพิษแก่ นายโอภาส และ น.ส.ณัฐชานันท์ โดยขณะนี้ทั้งคู่ยังหมดสติอยู่ในห้องรอดูอาการ และทางทีมแพทย์กำลังประสานงานเพื่อส่งต่อไปรักษาตัวที่ รพ.ศิริราช หรือ รพ.ตำรวจ เนื่องจากที่ รพ.ตากสิน เตียงเต็ม จากการสอบถามสาเหตุพบว่า น.ส.ณัฐชานันท์ นั้น มีประวัติรักษาอาการทางประสาท ที่ รพ.สมเด็จเจ้าพระยาอยู่แล้ว กระทั่งพอถูกจับกุมได้ก็มีญาตินำยาระงับอาการมาฝากพนักงานสอบสวนเอาไว้ โดยแจ้งว่า น.ส.ณัฐชานันท์ ต้องรับประทานยาเป็นประจำ ทางพนักงานสอบสวนจึงต้องมอบยาให้ผู้ต้องหาเอาไว้ตามสิทธิที่ผู้ต้องหาได้รับ แต่ไม่คาดคิดว่า ทั้ง นายโอภาส และ น.ส.ณัฐชานันท์ จะนัดกันรับประทานทานยาเกินขนาดจนส่งผลให้หมดสติไปเช่นนี้ ซึ่งหลังเกิดเรื่อง ทาง พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า รรท.ผบก.น.8 ก็ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดทันที
“ยืนยันว่าทางตำรวจไม่ได้มีความประมาทเลินเล่อ ปล่อยให้ผู้ต้องหากระทำการในลักษณะดังกล่าว เพราะผู้ต้องหาทุกคนมีสิทธิตามกฎหมาย ที่จะต้องได้รับยารักษาโรคตามอาการป่วยในระหว่างสอบสวนอยู่แล้ว โดยเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ทางสิบเวรผู้ควบคุมผู้ต้องหา ก็ยังถ่ายรูปส่งไลน์ผลการตรวจสอบห้องขังตามวงรอบให้ผู้บังคับบัญชาทราบว่า ไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อคืนนี้สิบเวรแจ้งว่า ยังพูดคุยกับทั้ง นายโอภาส และ น.ส.ณัฐชานันท์ ด้วยสีหน้าท่าทางปกติ ไม่มีสิ่งชี้บ่งว่าทั้งคู่จะก่อเหตุแต่อย่างใด จนกระทั่งเช้าวันนี้ก็เห็นทั้งคู่หมดสติไปแล้ว จึงช่วยกันนำตัว ส่ง รพ.ตากสิน เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาโดยด่วน” พ.ต.อ.ปพณพัชร์ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า รรท.ผบก.น.8 เปิดเผยว่า สั่งการให้ ผกก.สน.บางยี่เรือ จัดกำลังตำรวจเฝ้าดูอาการผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เอาไว้ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากเกรงว่า จะฟื้นขึ้นมาก่อเหตุอีก ส่วนเรื่องยารักษาอาการทางประสาทตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าก่อนหน้านี้ น.ส.ณัฐชานันท์ ต้องรับประทานยาตลอด มิเช่นนั้นจะเกิดอาการเครียด เบื้องต้นได้สั่งการให้ตรวจสอบว่าเป็นยาชนิดใด และให้เรียกตัวญาติผู้นำยามาฝากกับพนักงานสอบสวนมาพบเพื่อสอบปากคำด้วย ส่วนความคืบหน้าของคดีนั้นทางตำรวจต้องทำเรื่องฝากขัง ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปตามปกติ โดยชี้แจงว่า ทั้งคู่ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ ที่สำคัญตนได้ให้แนวทางการสอบสวนขยายผลไปถึงผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ เอาไว้แล้ว ถ้าหากผลการสอบปากคำเชื่อมโยงไปถึงผู้ใดอีกก็จะต้องแจ้งข้อหาดำเนินการตามกฎหมายไปด้วยเช่นเดียวกัน